บิวตี้แบรนด์เกาะเมกะเทรนด์ยั่งยืน วีแกน-แพลนต์เบส-เอจจิ้ง-มินินอล มาแรง!

บิวตี้แบรนด์เกาะเมกะเทรนด์ยั่งยืน วีแกน-แพลนต์เบส-เอจจิ้ง-มินินอล มาแรง!

ภาพรวมตลาดความงามทั่วโลก หรือ บิวตี้แบรนด์ มูลค่า 9.4 ล้านล้านบาท ปีที่ผ่านมา ขยายตัว 6% ตามรายงานของ “สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย” ส่วนตลาดรวมความงามในไทยมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท เป็นตลาดที่มีทิศทางขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้น ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ และสนใจในสุขภาพและความงามมากขึ้น 

ตลาดที่มาแรงทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นการต่อต้านริ้วรอย และเครื่องสำอางในกลุ่มที่มีการดูแลสุขภาพ  ช่องทางที่มีการขยายตัวสูงจะเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซ จากปัจจุบันมีสัดส่วน 28% ของตลาดรวม และขยายตัว 13%

 

ทศพร นิษฐานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ทิศทางตลาดผลิตภัณฑ์วีแกนในทั่วโลก กำลังเป็น “เมกะเทรนด์” ที่มีความสำคัญของผู้บริโภคในทั่วโลกและต้องติดตาม จากเหตุผลสำคัญ นั่นคือ ผู้คนสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ รวมถึงการตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติร่วมตอบโจทย์ทั้งยุคปัจจุบันและอนาคต

หากประเมินเฉพาะตลาด วีแกนและแพลนท์เบส ในปี 2567 คาดมีมูลค่า 45,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากในปีนี้ ทำให้บริษัทมุ่งขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นวีแกนเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น โดยขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ “จีแอนด์เอช กู๊ดเนส แอนด์ เฮลท์” (g&h Goodness & Health) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวกาย ด้วยสูตรวีแกน เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า พร้อมได้ปรับสูตรใหม่ และวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์สู่ความเป็น พรีเมียม มากขึ้น จากเดิมวางตำแหน่งเจาะตลาดกลางและบนเป็นหลัก

บิวตี้แบรนด์เกาะเมกะเทรนด์ยั่งยืน วีแกน-แพลนต์เบส-เอจจิ้ง-มินินอล มาแรง! การปรับใหม่ในครั้งนี้มีการทำตลาดผ่านออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ส่วนที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ จีแอนด์เอช ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่เป็นออร์แกนิค เป็นเซ็กเมนต์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของบริษัท ยังไม่มีการทดลองกับสัตว์ ผลิตภัณฑ์ได้ขึ้นทะเบียนกับสมาคมมังสวิรัติ (The Vegan Society) อีกทั้ง ผ่านการทดสอบการแพ้จากแพทย์ผิวหนัง ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากวัสดุรีไซเคิล 30% 

“ปีหน้าแอมเวย์มุ่งขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้เข้ามาทำตลาดมากขึ้น และจะมีสูตรใหม่ๆ ผลักดันการทำตลาดและยอดขายของแอมเวย์ใน 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2572 สูงถึงระดับ 30,000 ล้านบาท จากปีนี้ 2566 คาดสร้างยอดขาย 18,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน”

บิวตี้แบรนด์เกาะเมกะเทรนด์ยั่งยืน วีแกน-แพลนต์เบส-เอจจิ้ง-มินินอล มาแรง!

เทรนด์เอจจิ้งบิวตี้ - มินินอลมาแรง

 

ทางด้าน โกลบอลคอมปะนี “นาโอส” จากประเทศฝรั่งเศส ก่อตั้งมากว่า 45 ปี มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์หลักอย่าง ไบโอเดอมา (BIODERMA) ประกาศนโยบายมุ่งความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์

วัลภา รัตนชัยพิพัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท นาโอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เทรนด์ความงามในปี 2567 ของกลุ่มบำรุงผิวจะเป็นเรื่อง เอจจิ้ง บิวตี้ ที่มาแรงต่อเนื่อง รวมถึง การนำเสนอในเรื่องความมินิมอล หรือ การทำคลีนบิวตี้ เน้นความเรียบง่าย ชัดเจน มีความพอดี และการทำผลิตภัณฑ์แบบให้เหมาะเฉพาะแบบบุคคล (เพอร์โซนอล ไลท์) รวมถึงเทรนด์ความงามที่มีความยั่งยืน สอดคล้องกับตลาดความงามในโลก

“อีกสิ่งสำคัญในโลก คือ บริษัทความงามขนาดใหญ่ในโลก ต่างมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นมิตรและร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืน”

โดยมี 71 บริษัทระดับโลกได้เข้าร่วม Eco Beauty Score Consortium เป็นการจัดทำเกณฑ์การให้คะแนนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปในรูปแบบและระบบเดียวกัน ซึ่งบริษัทที่เข้าร่วมจะต้องให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของตนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

บิวตี้แบรนด์เกาะเมกะเทรนด์ยั่งยืน วีแกน-แพลนต์เบส-เอจจิ้ง-มินินอล มาแรง!

ทั้งนี้ แนวทางธุรกิจของ นาโอส ได้ปรับใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และลดการใช้พลาสติก ซึ่งได้เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สอดรับกับ 4R คือ Reduce Reuse Recycle Replace พร้อมวางเป้าหมายภายในปี 2568 บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายใต้แบรนด์นาโอส จะนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ 100% และลดปริมาณการใช้พลาสติกลงถึง 20% โดยได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล สามารถย่อยสลายได้ในน้ำ

สำหรับ ภาพรวมตลาดเวชสำอางไทยปี 2566 ประเมินว่าจะเติบโต 10% จากปีก่อน มีมูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องตามความสนใจของกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่สนใจดูแลความงามและผิวพรรณ

โดยปี 2566 คาดยอดขายเติบโต 25-30% มาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่