‘อโมรา กรุ๊ป’ ลุยภารกิจลงทุน ‘ออสเตรเลีย’ ปักหมุดโรงแรม 5 เมืองหลักใน 5 ปี

เพราะแค่ชื่อ “อโมรา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต” ยังมีคำว่า “ความรัก” ในภาษาสเปน “Amor” ปักหมุดชัดเจน ทั้งยังคล้องกับ “อมรรัตน์” ชื่อจริงของผู้เป็นภรรยาอีกด้วย

เส้นทางการเติบโตของ “อโมรา กรุ๊ป” ตลอด 26 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2540 ธนพันธ์ ได้ริเริ่มจากการบุกเบิกธุรกิจค้าปลีกปลอดภาษี ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ก่อนจะปูทางความสำเร็จสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ด้วยการซื้อโรงแรมแห่งแรก “อโมรา ริเวอร์วอล์ค เมลเบิร์น” ในประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2540 เช่นกัน

เชาวภัทร์ สิริภัทราวรรณ กรรมการบริหาร อโมรา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต กล่าวว่า ที่ผ่านมา “อโมรา กรุ๊ป” เดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีโรงแรมระดับ 4-5 ดาว รวม 6 แห่งในไทยและออสเตรเลีย คิดเป็นจำนวนห้องพักทั้งหมด 1,350 ห้อง

“เราอยากปรับตำแหน่งทางการตลาด (Repositioning) โรงแรมในเครือทั้งหมดให้เป็น 5 ดาว” นี่คือหมุดหมายของ เชาวภัทร์ ทายาทคนเล็กวัย 25 ปี ผู้บริหาร Gen Z รุ่นใหม่ ผู้เติบโตและใช้ชีวิตในโรงแรมเหมือนบ้านมาตั้งแต่เด็ก

เริ่มจากใน “ประเทศไทย” เตรียมเปิดประตู “อโมรา บีช รีสอร์ต ภูเก็ต” ขนาดห้องพัก 264 ห้อง เป็นทรัพย์สินหลักตั้งอยู่ริมหาดบางเทาอันเงียบสงบ หน้าหาดยาว 100 เมตร เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2542 จะกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งด้วยโฉมใหม่ของรีสอร์ตไลฟ์สไตล์ระดับ 5 ดาวในเดือน ธ.ค. 2566 หลังทุ่มงบรีโนเวตกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเริ่มปรับปรุงในช่วงโควิด-19 ระบาด ตั้งเป้าคืนทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า

ไฮไลต์คือ บีชคลับแนวคิดใหม่ ศูนย์สุขภาพและฟิตเนส สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ คิดส์คลับ ร้านอาหาร สนามหญ้าสำหรับจัดงานริมชายหาด สามารถนำไปตีตลาดคู่แต่งงานชาวอินเดียได้ รวมถึงห้องแกรนด์บอลรูม และห้องประชุมอีก 4 ห้อง

โดยตั้งเป้าดึงลูกค้าหลัก 50% มาจากตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศนอร์ดิก รองลงมาคือตลาดจีน 15-20% ตลาดตะวันออกกลางและอินเดีย 10-15% ซึ่งนิยมเดินทางมาจัดประชุมสัมมนา เดินทางเพื่อเป็นรางวัล และจัดงานแต่งงานมากขึ้น ส่วนตลาดคนไทย ยังคงจับไว้บางส่วนที่ 5% ตามภารกิจทำโรงแรม 5 ดาวภายใต้สูตร “กระจายความหลากหลาย” (Diversify) ของตลาดนักท่องเที่ยว ไม่กระจุกแค่ตลาดใดตลาดหนึ่ง

“ภาพรวมราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ของโรงแรมในภูเก็ตตอนนี้ สูงกว่าราคาในยุคก่อนโควิดเพราะปัจจัยเงินเฟ้อ ในช่วงที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังฟื้นตัว อาจจะไม่ได้อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) สูงเหมือนเคย แต่สามารถทำ ADR สูงขึ้น จากเดิมเคยขาย 2,000-4,000 บาทต่อคืน ปัจจุบันขายได้ราคาดีขึ้น 2 เท่า ทำให้ดันรายได้ต่อห้องพัก (RevPAR) ได้สูงขึ้น เราจึงเน้นขยับ ADR ให้สูงขึ้น เพื่อความมั่นคงในการทำตลาดโรงแรม 5 ดาว”

ส่วนโรงแรมอีก 2 แห่งในไทย “อโมรา เชียงใหม่” ตั้งอยู่ตรงประตูท่าแพ ปัจจุบันเป็นโรงแรมระดับ 4-4.5 ดาว ขนาด 200 ห้องพัก สถานการณ์ ADR ยังค่อนข้างหนืด ปัจจุบันอยู่ที่ 1,500-2,000 บาทต่อคืน ส่วนใหญ่ได้ลูกค้ากลุ่มองค์กร คาดไฮซีซันไตรมาส 4 นี้จะมีอัตราการเข้าพัก 80-90% ถือเป็นโรงแรมที่ไม่ได้รีโนเวตมาสักพัก เพราะต้องรอจังหวะการกลับมาของตลาดหลัก “นักท่องเที่ยวจีน”

ขณะที่ “อโมรา นีโอลักซ์ กรุงเทพฯ” โรงแรมระดับ 3.5-4 ดาว ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ขนาด 60 ห้องพัก เป็นซับแบรนด์ (Sub-brand) ในเครือ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอ็กซ์แพต (Expat) และพำนักระยะยาว (Long Stay) เช่น ญี่ปุ่น โดย ADR อยู่ที่ 2,000 บาทต่อคืน มีอัตราการเข้าพักมากกว่า 90%

ฟากโรงแรมอีก 3 แห่งในต่างแดน ปักหมุดแดนจิงโจ้ “ออสเตรเลีย” นอกเหนือจากโรงแรมแห่งแรกของบริษัท “อโมรา ริเวอร์วอล์ค เมลเบิร์น” ในชานเมืองเมลเบิร์น ขนาด 111 ห้องพัก ราคา ADR เฉลี่ยอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อคืน (ราว 4,600 บาท) ซึ่งมีอัตราการเข้าพัก 70-80% แล้ว โรงแรมหลักอย่าง “อโมรา จามิสัน ซิดนีย์” ซึ่งเป็นโรงแรมเรือธงระดับ 5 ดาว ขนาด 415 ห้องพัก ตั้งอยู่ในย่านซีบีดีของซิดนีย์ ปัจจุบัน ADR มากกว่า 300 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อคืน (ราว 7,000 บาท) อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 75-80%

ส่วนโรงแรม “อโมรา บริสเบน” ขนาด 300 ห้องพัก ที่รีแบรนด์จากชื่อเดิม โนโวเทล บริสเบน หลังเข้าซื้อโรงแรมแห่งนี้จาก CDL Hospitality Trusts ในปี 2563 ซึ่งโชคดีมากๆ เพราะตรงกับจังหวะที่เมืองบริสเบนเพิ่งถูกประกาศให้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา “โอลิมปิก 2032” ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยรีโนเวตโรงแรมให้เป็นสไตล์ Relaxed Luxury Design โดยมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือน ก.พ. 2567 ตั้งเป้าหมาย ADR อยู่ที่ 250-270 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อคืน (ราว 5,700-6,200 บาท) อัตราการเข้าพัก 70-75%

“ปี 2567 จะเป็นปีที่โรงแรมในออสเตรเลียทั้ง 3 แห่งเป็น Money Maker ทำรายได้ให้แก่ อโมรา กรุ๊ป ในสัดส่วน 80% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนอีก 20% เป็นรายได้จากโรงแรมในไทยที่รอการเปิดให้บริการโฉมใหม่ในภูเก็ต”

สำหรับเป้าหมาย “การลงทุน” ในช่วง 5 ปีข้างหน้าของอโมรา กรุ๊ป เชาวภัทร์ เล่าว่า มีแผนขยายโรงแรมเพิ่มอีก 4 แห่ง โดยในออสเตรเลียจะมี 3 แห่ง แบ่งเป็น ย่านซีบีดีใจกลางเมลเบิร์น 1 แห่ง แอดิเลด 1 แห่ง และเพิร์ธ 1 แห่ง ตามภารกิจ (Mission) เก็บให้ครบ “5 เมืองหลักแดนจิงโจ้” ส่วนในประเทศไทย จะปักหมุดขยายเพิ่มที่กรุงเทพฯ อีก 1 แห่ง

“โมเดลการลงทุนของ อโมรา กรุ๊ป จะเน้นการเข้าซื้อกิจการโรงแรม นำมารีโนเวตอีกต่อ เพื่อสานต่อวิชั่นการเป็นธุรกิจกลุ่มโรงแรม 5 ดาวแบบอิสระทั้งในไทยและออสเตรเลีย”