‘เดอะ วัน’ มุ่งทำเงินทุกช่องทาง ต่อยอดจุดแข็ง ‘คอนเทนต์ ครีเอเตอร์’

‘เดอะ วัน’ มุ่งทำเงินทุกช่องทาง  ต่อยอดจุดแข็ง ‘คอนเทนต์ ครีเอเตอร์’

บริบทสื่อ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ทำให้หลายปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ประกอบการสื่อดั้งเดิม โดยเ​ฉพาะ “ทีวีดิจิทัล” พลิกกระบวนท่า หาทางอยู่รอด และสร้างการเติบโตในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายและ “โอกาสใหม่” แทรกซึมอยู่มากมาย

บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) เจ้าของช่องวัน 31 ซึ่งมี “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” เป็นแม่ทัพคนสำคัญ ถือเป็นอีกค่ายที่เผชิญความยากลำบาก จนต้องปรับแผนงาน กลยทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต โดยเฉพาะการต่อยอด “จุดแข็ง” ของบริษัท มุ่งสู่การเป็น “คอนเทนต์ ครีเอเตอร์” ครบวงจรของเมืองไทย เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหา รายการโทรทัศน์ต่างๆ ป้อนคนดูไม่จำกัดแค่สื่อเดิมๆ(Traditional Media) แต่ขยายช่องทางทำเงินจากทุกแพลตฟอร์มที่มีคนดู

ไตรมาส 4 บริษัทมีแผนส่งคอนเทนต์เด็ดมากมาย เพื่อตอบโจทย์คนดูในทุกช่วงเวลาการออนแอร์ แต่จะครอบคลุมหลากหลายช่องทาง ทั้งทีวี และออนไลน์ อย่างละครที่ถือเป็นคอนเทนต์แม่เหล็ก จะเห็นเรื่อง ชีวิตภาคสอง, VIP รัก ซ่อน ชู้ ยังมีละคร “บอยเลิฟ” เรื่องแรกจากค่ายCHANGE2561, PIT BABE The Series ซึ่งประเดิมตอนแรกไปแล้วเมื่อ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา

ทีวีช่องวัน 31 เป็นจอแรก แต่ยุคนี้ดูสดได้พร้อมแพลตฟอร์มอื่นๆ จึงเห็นการออกอากาศผ่านออนไลน์และเป็นเวอร์ชั่นไม่ตัด(uncut) บนแอปพลิเคชั่น iQIYI และเว็ป IQ.com เป็นต้น

‘เดอะ วัน’ มุ่งทำเงินทุกช่องทาง  ต่อยอดจุดแข็ง ‘คอนเทนต์ ครีเอเตอร์’ ละครเป็นความถนัดของ “บอย ถกลเกียรติ” ที่โลดแล่นในวงการทีวี ผลิตคอนเทนต์หรือคอนเทนต์ ครีเอเตอร์มานาน ทว่า 3 กลยุทธ์ที่จะผลักดันการเติบโตของบริษัทปีนี้ ยังมีการทำตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้จากการตลาดผ่านไอดอล(Idol Marketing) ที่บริษัทมีนักแสดงหลากหลายกลุ่ม ทำงานร่วมกับแบรนด์สินค้า สร้างเอนเกจเมนต์กับฐานแฟนหรือแฟนด้อม นอกจากนี้ ยังลุยงานโชว์บิส(Showbiz)ที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์และครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ

โค้งสุดท้ายปีรุกหนัก มาดูผลงานรายได้กันบ้าง ว่ากลยุทธ์ที่วางไว้ปูทางสู่การเติบโตอย่างไร โดยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ประจำปี 2566 บริษัทมีรายได้ 1,736.7 ล้านบาท เติบโต 6.7% หรือคิดเป็นมูลค่า 109.3 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 153.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ “ลดลง” 6.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผลงาน 9 เดือน บริษัทมีรายได้รวม 4,775.9 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 326.2 ล้านบาท

ผลงานดังกล่าวเกิดจากการที่กลุ่มบริษัทได้วางแผนกลยุทธ์ให้มี Business proposition เป็น Entertainment & Lifestyle ครบวงจร เพิ่มเเหล่งที่มาของรายได้จากหลายช่องทาง นอกเหนือจากการบริการโฆษณา และการประชาสัมพันธ์และบริการเวลาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ (TV Ads.)

‘เดอะ วัน’ มุ่งทำเงินทุกช่องทาง  ต่อยอดจุดแข็ง ‘คอนเทนต์ ครีเอเตอร์’ ไฮไลต์รายได้การจัดคอนเสิร์ต มีการเติบโตก้าวกระโดด ย้ำจุดแข็งด้านการมีศิลปินที่โดดเด่นในมือจำนวนมาก ไตรมาส 3 ทำรายได้ถึง 255.8 ล้านบาท เติบโตขึ้น 49.5 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน งานคอนเสิร์ตที่โดดเด่น คือ คอนเสิร์ต Gemini Fourth My Turn Concert ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค อารีน่า โดยสามารถจำหน่ายบัตรในราคา 1,200 – 7,500 บาท ได้เต็มทุกที่นั่งทั้ง 2 รอบการแสดง และยังจำหน่ายบัตรเข้าชมผ่านทางออนไลน์ในทุกรอบการแสดงอีกด้วย คอนเสิร์ต The Golden Song The Golden Show Concert ที่ เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ ราคาบัตรอยู่ที่ 1,000 - 7,000 บาท จำหน่ายบัตรเต็มทุกที่นั่ง ทั้ง 5 รอบการแสดง และเทศกาลดนตรี Very Thai Music Festival ที่จัดขึ้น ณ Orange Island Park เมืองฉางชา ประเทศจีน

รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการศิลปินและธุรกิจขายสินค้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับศิลปิน เติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน จากไอดอลที่โด่งดัง อย่าง Jam & Film , ไบร์ท นรภัทร, ต้าห์อู๋-ออฟโรด ฯลฯ ซึ่งบริษัทสามารถเชื่อมโยงไอดอลให้เข้ากับ Partnership และผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการศิลปินมีตัวเลขรายได้ถึง 251.8 ล้านบาท เติบโต 49.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 ด้านรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ (License) อยู่ที่ 269.8 เติบโตจากไตรมาสก่อน 24.4 % ซึ่งเป็นการขายลิขสิทธิ์ละคร-ซีรีส์ ไปฉายบนแพลตฟอร์มรับชมวิดีโอออนไลน์( OTT) ต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงการบริหารงานแบบ Dynamic ที่จับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ และจัดสรรช่วงเวลาการออกอากาศตามช่องทางต่างๆ ทำให้สามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ต่างๆ ได้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม คอนเทนต์ของบริษัทหลายเรื่องเสิร์ฟคนดูผ่านแพลตฟอร์ม Netflix และ Prime Video เป็นต้น

‘เดอะ วัน’ มุ่งทำเงินทุกช่องทาง  ต่อยอดจุดแข็ง ‘คอนเทนต์ ครีเอเตอร์’

ขณะที่การขยายฐานสู่ตลาดโลกหรือ Export to the world กลยุทธ์สร้างโอกาสที่กว้างไกล ผลักดันนำคอนเทนต์ไทยส่งออกและเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก บริษัทได้ลุยงาน Event Fan meet ในต่างประเทศ ที่นอกเหนือจากทวีปเอเชียแต่ นำทัพทั้งคอนเทนต์ เสริมด้วยศิลปินก้าวเข้าสู่ทวีปอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โฆษณาทางทีวี เป็นรายได้หลักของบริษัท ไตรมาส 3 ทำเงินลดลง 5.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของุตสาหกรรมสื่อโฆษณาที่มีการใช้เม็ดเงินกับสื่อทีวี “ลดลง” แต่รายได้ของบริษัทที่ลดลงดังกล่าว ถือว่า “น้อยกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม” นอกจากนี้ธุรกิจรับจ้างและผลิตรายได้ และธุรกิจให้บริการสตูดิโอ ลดลงเช่นกัน