‘สุดาวรรณ’ เล็งชง ‘เศรษฐา’ ยืดวันพักวีซ่าฟรี ดึง‘ยุโรป’เที่ยวไทย ปั๊มรายได้

‘สุดาวรรณ’ เล็งชง ‘เศรษฐา’ ยืดวันพักวีซ่าฟรี  ดึง‘ยุโรป’เที่ยวไทย ปั๊มรายได้

“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” เป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ฟื้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้เข้าประเทศได้รวดเร็วสุด ทว่า ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่พึ่งพานักเดินทางให้มาเยือน เพื่อเก็บเกี่ยวอำนาจซื้อ แต่ยังต้องแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลก

งานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวระดับโลก World Travel Market หรือ WTM 2023 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 6-8 พ.ย.ที่ผ่านมา หลายประเทศที่มีโปรดักท์ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวต่างงัดของดีมาดึงดูดกลุ่มเป้าหมายแบบไม่มีใครยอมใคร

การแข่งขัน ทำตลาดต้องเดินไป แต่อีกด้าน นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” โยนการบ้านใหญ่ คือการผลักดันเป้าหมายรายได้การท่องเที่ยวปี 2567 แตะ 3.5 ล้านล้านบาท

 

โจทย์ท้าทาย ทว่า สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. ประสานเสียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่า “ไม่หนักใจ..ไม่มีใครหนักใจ”

เหตุผลที่ไม่หนักใจกับเป้าหมายรายได้การท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มจากเป้าเดิมคือ 3 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐหลายประการที่เสมือนการ “ติดอาวุธ” ให้กระทรงงการท่องเที่ยวฯ ททท. ลุยตลาดได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการวีซ่า-ฟรีให้กับประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย เป็นต้น การมีนโนยบายด้าน “ซอฟต์ พาวเวอร์” ใน 11 สาขา เช่น อาหาร กีฬา เฟสติวัล กีฬา ภาพยนตร์ ฯ ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะนั่นหมายถึงจะมีนักลงทุน นักธุรกิจ นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนและใช้จ่ายในประเทศไทยทั้งสิ้น

‘สุดาวรรณ’ เล็งชง ‘เศรษฐา’ ยืดวันพักวีซ่าฟรี  ดึง‘ยุโรป’เที่ยวไทย ปั๊มรายได้ นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณสนับสนุนการส่งเสริมการตลาดระยะใกล้และระยะไกล เพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มเป้าหมายให้มาเยือนไทยอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้น ตลาดที่มี “อำนาจซื้อสูง” โดยเฉพาะตลาดระยะไกลอย่าง “ยุโรป” จะงัดมาตรการมาตอบโจทย์นักท่องเที่ยวให้พำนักที่ไทยยาวนานขึ้น

ทั้งนี้ เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อให้รัฐบาลไทยออกมาตรการเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption หรือวีซ่า-ฟรี) ให้กับต่างชาติ โดยขยายระยะเวลาเป็น 60 วัน จากปัจจุบันยุโรปกว่า 50 ประเทศ เมื่อมาเยือนไทยสามารถพำนักได้ระยะเวลา 30 วัน ส่วนประเทศที่จะพิจารณาขยายวีซ่า-ฟรีเบื้องต้น คือสหราชอาณาจักร เยอรมนี กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และบางประเทศในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช(CIS) เช่น คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการบ้าน

“ตอนนี้นายกรัฐมนตรีให้ยาแรงมากๆ ในเรื่องวีซ่า-ฟรี แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งไม่เคยเปิดขนาดนี้ ส่วนการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดยุโรป มีการหารือกับรองผู้ว่าฯ ศิริปกรณ์ เพื่อขยายเวลาได้มากกว่านี้ไหม ให้พำนักในไทยนานขึ้น เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปมีการใช้จ่ายสูงหรือไฮสเปนดิ้ง”

‘สุดาวรรณ’ เล็งชง ‘เศรษฐา’ ยืดวันพักวีซ่าฟรี  ดึง‘ยุโรป’เที่ยวไทย ปั๊มรายได้ สำหรับนักท่องเที่ยวยุโรปจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นอันดับ 2 รองจากตลาดเอเชีย คิดเป็นสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมด และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีวันพำนักยาว โดยปี 2565 ระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 18.55 คืน มีค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวสูงกว่า 66,000 บาทต่อทริป ขณะที่ต้นปี 2566 ค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวเพิ่มแตะ 80,000 บาทต่อทริป

ฐาปนีย์ กล่าวเสริมว่า เป้าหมายรายได้ปีหน้า ททท.ไม่หนักใจ เพราะมีรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ และนายกรัฐมนตรีคอยซัพพอร์ต ที่สำคัญมีหลายปัจจัย นโยบายของรัฐบาลที่เอื้ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อย่างซอฟต์พาวเวอร์ มีผลอย่างมาก เพราะจะนำมาซึ่งนักลงทุน นักท่องเที่ยว ผู้มาเยือนทุกอย่างทั้งผู้ประกอบการ สายการบิน อุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งภาคส่วนที่ได้ประโยชน์มากสุดคือการท่องเที่ยวและบริการ

ด้าน ศิริปกรณ์ กล่าวว่า ที่ไม่หนักใจกับโจทย์เพิ่มเป้าหมายรายได้การท่องเที่ยวปีหน้า ยังมีปัจจัยบวกจากตัวเลขสถานการณ์การบินของสายการบินต่างๆ เทรนด์ทั่วโลกจะเห็นการบินเชื่อมต่อการเดินทางกลับมา 100% กลางปีหน้า อีกด้านหน่วยงานการท่องเที่ยวของไทยยังทำงานกับสายการบินต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น สายการบินบริติช แอร์เวย์ อีว่า แอร์เวย์ส ที่จะบินจากสหราชอาณาจักรไปยังประเทศไทย จากก่อนหน้านี้มีสายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์(SAS)กลับมาบินเส้นทางโคเปนเฮเก้น-กรุงเทพฯ ในรอบ 10 ปี

‘สุดาวรรณ’ เล็งชง ‘เศรษฐา’ ยืดวันพักวีซ่าฟรี  ดึง‘ยุโรป’เที่ยวไทย ปั๊มรายได้ อาวุธการตลาดดึงทัวร์ริสยุโรป กำลังซื้อสูงมาเที่ยวไทย

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 ททท.ได้เพิ่มเป้าหมายรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 2.4-2.5 ล้านล้านบาท รวมกับคนไทยเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้ปี 2567 จะเป็น 3.5 ล้านล้านบาท โดยมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านล้านบาท

“นายกรัฐมนตรี มีเป้ารายได้รวมการท่องเที่ยวที่ท้าทาย ซึ่งปี 2567 เพิ่มเป็น 3.5 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ต้องทำทีละขั้น ปีหน้าจะเห็น 2.5 ล้านล้านบาทก่อน ส่วนรายได้ 3 ล้านล้านบาท น่าจะทำได้ในปีถัดไปหรือ 2568” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวทิ้งท้าย