เปิดวิธีสร้างบุคลากร เก่ง-แกร่งฉบับ 'ไทยเบฟ' สร้างคุณค่า สานพลังสู่ยั่งยืน

เปิดวิธีสร้างบุคลากร เก่ง-แกร่งฉบับ 'ไทยเบฟ' สร้างคุณค่า สานพลังสู่ยั่งยืน

ไทยเบฟ ยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มและอาหาร เดินหน้าสร้างบุคลากร ดึงคนรุ่นใหม่เสริมทัพ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Passion 2025 ล่าสุด คว้ารางวัลระดับโลก MARSHALL GOLDSMITH OUTSTANDING COACHING LEADER AWARD องค์กรที่มีการพัฒนาคนที่มีความเป็นเลิศ เป็นครั้งแรกให้ประเทศไทย

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มและอาหาร ด้วยมูลค่าการตลาด หรือ (มาร์เก็ตแคป) ในปัจจุบันอยู่ลำดับ 9 ของภูมิภาคเอเชีย ด้วยมูลค่า 3.92 แสนล้านบาท ได้วางยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนธุรกิจสานเป้าหมาย Passion 2025 เพื่อสร้างองค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งในประเทศไทยและตลาดโลก 

นอกจากเป้าหมายสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตต่อเนื่องทุกปีแล้ว ไทยเบฟยังมีความมุ่งมั่นในการสร้างบุคลากรขององค์กรให้แข็งแกร่ง มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ภายใต้การมีทีมงานในองค์กรรวมกว่า 62,000 คน แบ่งเป็น พนักงานในประเทศไทยกว่า 43,000 คน และพนักงานในต่างประเทศรวม 15,000 คน ภาพรวมปัจจุบันไทยเบฟ มีธุรกิจอยู่ในประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม ไปจนถึง อังกฤษ ล่าสุดกับประเทศนิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส เป็นต้น 

 

“เอกพล ณ สงขลา” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า องค์กรมีความมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมทักษะความสามารถของบุคลากรมาโดยตลอดในทุกปี เพื่อร่วมสร้างบุคลากรที่มีความรู้มีความสามารถ และร่วมผลักดันสร้างธุรกิจให้มีการเติบโต 

ในปัจจุบันองค์กรผสมผสานด้วยกลุ่มคนทำงานในทุกกลุ่ม ทั้งในกลุ่มเจน X เจน Y เจน Z ไปจนถึงกลุ่ม Baby boomer โดยอายุเฉลี่ยของพนักงานจะประมาณ 35 ปีไปจนถึง 30 ปลายๆ แตกต่างจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีพนักงานในช่วงอายุเฉลี่ยที่ 45 ปี ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนแบ่งเป็น กลุ่มเจน X ประมาณ 25-30% จากที่ผ่านมา เคยอยู่ที่ 50% และกลุ่ม Baby boomer ลดลงมาต่ำกว่า 10% ส่วนที่เหลือเป็น กลุ่ม X และ Y

 

เปิดวิธีสร้างบุคลากร เก่ง-แกร่งฉบับ \'ไทยเบฟ\' สร้างคุณค่า สานพลังสู่ยั่งยืน

พร้อมกันนี้ยังได้วางแนวทางในการร่วม "ส่งเสริมคนรุ่นใหม่" ในการนำเสนอแนวคิด เสนอไอเดียสร้างสรรค์ และโปรเจคต่างๆ เพื่อหลอมหลวมการทำงานระหว่างคนทุกวัยในองค์กร ผนึกกำลังขับเคลื่อนธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

แนวคิดการพัฒนาบุคลากรได้มุ่งมั่นในการยกระดับอบรมให้ความรู้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยมีการเทรนนิ่งพนักงานอยู่ที่ 25-26 ชั่วโมงต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 21 ชั่วโมง รวมถึงมีการร่วมยกระดับทั้ง Reskill และ Upskill ให้แก่พนักงานในหลากหลายระดับมาตลอด

“สูตรการสร้างคนฉบับไทยเบฟมีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำที่มีความเข้าใจ และพร้อมร่วมแก้ไขปัญหา ผสานทำงานร่วมกันในหลายด้าน และผู้นำที่ร่วมส่งต่อความสำเร็จ ร่วมมือสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน”

บริษัทยังมีการวางแพลตฟอร์มในการพัฒนาบุคลากรใน 3 ด้านได้แก่ Leadership skill, Functional skill และ General skill รวมถึงมีการ Training Mentoring และ Coaching ให้แก่พนักงาน และผู้บริหารรวมกว่า 1,000 คน รวมถึงการจัดทำสื่อสารรายบุคคล โดยได้วางเป้าหมายระยะยาวที่จะพัฒนาระดับความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรไปถึงระดับ 90% ในปี 2030 จากในปัจจุบันมีทิศทางสูงขึ้นต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 83% แล้ว โดยเป็นผลมาจากการทำแบบสำรวจพนักงาน Enployee Engagement Survey 2023 ในช่วงที่ผ่านมา

“องค์กรไม่ได้มุ่งเน้นแต่เรื่องกำไร แต่มีการมุ่งเน้นสร้างสรรค์คุณค่าในการเติบโตอย่างยั่งยืน”

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของไทยเบฟในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการขยายธุรกิจผ่านการเข้าไปลงทุนไปในบริษัทใหม่ๆ โดยสามารถประสานการทำงานระหว่างคนในองค์กรเดิมและองค์กรไทยเบฟได้อย่างดี พร้อมมุ่งทำงานด้วยความเคารพกันและกัน จึงสร้างสรรค์การเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน 

โจทย์ท้าทายเรื่องค่าแรง พร้อมดำเนินการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้อง

ส่วนโจทย์ท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งสถานการณ์เรื่องค่าแรงงานที่จะมีการปรับขึ้นในอนาคต เป็นปัจจัยที่ทุกองค์กรต่างต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยบริษัทพร้อมปรับให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ พร้อมกับการบริหารจัดการต้นทุนภายในให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไปจนถึงการขยายกลุ่มเช็กเมนต์ใหม่ๆ เช่น กลุ่มพรีเมียม เป็นต้น เพื่อการร่วมเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่สินค้า

เปิดวิธีสร้างบุคลากร เก่ง-แกร่งฉบับ \'ไทยเบฟ\' สร้างคุณค่า สานพลังสู่ยั่งยืน

คว้ารางวัล MARSHALL GOLDSMITH องค์กรที่พัฒนาคนที่มีความเป็นเลิศ

จากการไม่หยุดนิ่ง มุ่งยกระดับและพัฒนาบุคลากร สู่การเป็น องค์กรต้นแบบแห่งความเป็นเลิศด้านการพัฒนาบุคลากรที่ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน (Enabling Sustainable Growth)” ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนธุรกิจ ผลักดันทำให้บริษัทได้รับรางวัลระดับนานาชาติ "MARSHALL GOLDSMITH OUTSTANDING COACHING LEADER AWARD" เป็นครั้งแรกสำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นการแข่งขันจากบริษัทชั้นนำจากหลายภูมิภาค โดยมองหาองค์กรที่มีการพัฒนาคนที่มีความเป็นเลิศ ด้วยการ Mentoring และ Coaching ซึ่งจากการประกวดแข่งขัน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สามารถคว้ารางวัล OUTSTANDING COACHING LEADER AWARD ซึ่งรางวัลดังกล่าว ได้รับจาก ด.ร. มาร์แชลล์ โกลด์สมิธ (Dr.Marshall Goldsmith) ซึ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นกูรูที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Leadership และผู้เชี่ยวชาญด้าน Coaching อันดับหนึ่งของโลก มอบรางวัลให้แก่บริษัท ที่นครโฮจิมิน ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้นับเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่น และความเป็นเลิศในการพัฒนาศักยภาพของคน เป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่นๆ ทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งหมดเป็นการร่วมตอกย้ำแนวคิดการพัฒนาบุคลากรขององค์กร รวมถึงการเป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ โดยที่ผ่านมา อัตราเทิร์นโอเวอร์ของพนักงาน จะอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ประมาณ 1-2% ในปัจจุบันลดต่ำกว่าอยู่ที่ 14% ดีกว่าค่ามาตรฐานของตลาด และลดลงมาจากช่วงก่อนเกิดโควิด จะอยู่ประมาณ 16% ซึ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมา บริษัทไม่มีการลดพนักงานแต่อย่างใด 

“คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ได้เคยกล่าวได้ว่า หากแผนที่เราทำไม่เวิร์ค ก็เปลี่ยนแผนใหม่ แต่อย่าเปลี่ยนเป้าหมาย”

สำหรับบุคลากรที่ไทยเบฟ อยากดึงเข้ามาร่วมขับเคลื่อนในองค์กรมากขึ้น จะเป็นในด้าน เทค รองรับการเข้าสู่ยุคของ AI ที่จะเข้าร่วมพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมในหลายๆ ด้าน และพนักงานในกลุ่มทำวิจัยและพัฒนาสินค้า (อาร์แอนด์ดี) เพื่อร่วมเสริมความแข็งแกร่ง 

ทั้งนี้ บริษัทจะไม่หยุดนิ่งในการลงทุนพัฒนาบุคากรอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี เพื่อร่วมพลังขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศด้านการบริหาร และพัฒนาทรัพยากรบุคคล ในฐานะการเป็น ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารที่มั่นคง มีความยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน