เบียร์คาราบาว-ตะวันแดง เขย่าบัลลังก์สิงห์-ช้าง ลั่นเป้าหมายชิงเบอร์ 1

เบียร์คาราบาว-ตะวันแดง เขย่าบัลลังก์สิงห์-ช้าง ลั่นเป้าหมายชิงเบอร์ 1

'เสถียร' เจ้าพ่อคาราบาวแดง ถือฤกษ์วันที่ 9 เดือน 11 ตีฆ้องลั่นกลองรบเปิดตำนานเบียร์บทใหม่ ส่ง 'คาราบาว-ตะวันแดง' เขย่าวงการเบียร์ไทย 2.6 แสนล้าน เชื่อเกมเปลี่ยนทิศ ลั่นเป้าหมายแห่งอนาคตชิงส่วนแบ่ง 30% เชื่อผงาดขึ้นเบอร์ 1 พร้อมวางยุทธศาสตร์ 'บอล' นำ 'เบียร์' บุกตลาดโลก

เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” เดินหน้า “เซ็ตมาตรฐานใหม่” ตลาดเบียร์ 2.6 แสนล้านบาทของประเทศไทย พร้อมตอกย้ำความเป็น “สินค้าระดับโลกแบรนด์ระดับโลก” และ ธุรกิจเบียร์ จะเป็นหัวจักรใหม่บุกตลาดต่างประเทศขับเคลื่อนธุรกิจในเครือคาราบาวไปสู่ธุรกิจระดับโลก

“เบียร์เป็นสิ่งที่เรามั่นใจในองค์ความรู้ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมประสบการณ์และเก็บข้อมูลมานานกว่า 20 ปี จากการทำโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ผมเชื่อว่าเบียร์ของเราจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับตลาด และเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคชาวไทยทุกคนได้”

เสถียร กล่าวว่า ได้ทุ่มทุกสรรพกำลังครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีทีเดียวกับเกมรุกที่สร้างแรงกระเพื่อมในวงการเบียร์ที่มีผู้เล่นหลักในตลาดเบียร์ ซึ่งครองส่วนแบ่งกว่า 80% นับเป็นความท้าทายของกลุ่มคาราบาว! ในการเปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์ คือ “คาราบาว” และ “ตะวันแดง” ในสมรภูมิฟองเบียร์มูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ถือเป็นตลาดเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 

โดยใช้เงินลงทุน 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าทั้งหมด มีกำลังการผลิต 400 ล้านลิตร ช่วงแรกนำร่องผลิต 200 ล้านลิตรในปีแรก 

เบียร์คาราบาว-ตะวันแดง เขย่าบัลลังก์สิงห์-ช้าง ลั่นเป้าหมายชิงเบอร์ 1

เสถียร วางยุทธศาสตร์เบียร์ 2 แบรนด์ 5 รสชาติ โดยทั้ง 2 แบรนด์ลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมีและสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์มากกว่า 90%

“คาราบาว” เจาะเซ็กเมนต์อีโคโนมีถึงสแตนดาร์ด ส่วน “ตะวันแดง” วางในเซ็กเมนต์สแตนดาร์ดถึงพรีเมียม เรียกว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่ม 

เรียกว่า เจาะทุกตลาดเบียร์ ภายใต้เป้าหมายขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์! ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 10% ภายในปี 2567  พร้อมเป้าหมายสูงสุดนั่งแท่น "ผู้นำ" ซึ่งขณะนั้นประเมินว่าพอร์ตเบียร์ของ คาราบาวและตะวันแดง จะต้องครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 30%

การเปิดตำนานเบียร์บทใหม่ของ "เสถียร" วางกลยุทธ์มุ่งนำเสนอเบียร์คุณภาพระดับโลก ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อนำเสนอ “ทางเลือกใหม่” ให้กับตลาด โดยนำประสบการณ์จากธุรกิจสร้างชื่อ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ไมโครบริวเวอรี่ (Microbrewery) อันดับหนึ่งของประเทศไทย ด้วยรสชาติเบียร์ต้นตำรับเยอรมัน เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากกว่า 10 ล้านคนตลอดกว่า 20 ปี ให้ผู้บริโภคทั่วประเทศได้ลิ้มลอง 

โดยเบียร์ทั้ง 2 แบรนด์จะมีกลิ่นและรสชาติเหมือนหรือใกล้เคียงกับเบียร์ที่ขายที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ภายใต้มาตรฐาน German Beer Purity Law กฎการทำเบียร์เยอรมันที่มีวัตถุดิบจาก มอลต์ ฮอปส์ และยีสต์ เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด ถือเป็นการ “เซ็ตมาตรฐานใหม่” ให้กับตลาดเบียร์ของไทยนับจากนี้

“ตลาดมีแบรนด์ยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่แบรนด์ ทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือกมากนัก ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการดื่มเบียร์คุณภาพระดับโลก แต่เบียร์เหล่านี้มักเป็นเบียร์นำเข้าที่มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้โอกาสเข้าถึงมีน้อย ถือเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาเล่น"

เป็นโอกาสของกลุ่มคาราบาว ในการนำเสนอทางเลือกใหม่ พร้อมยกระดับการดื่มเบียร์ของคนไทย ด้วยการทำเบียร์สไตล์เยอรมันแท้ให้คนไทยได้ดื่ม รวมถึงกระบวนการผลิตมาตรฐานระดับโลก เป็นการาปฏิรูปวงการเบียร์ของประเทศไทย

การเข้าสู่ตลาดในครั้งนี้ “กลุ่มคาราบาว” เปิดตัวสินค้าพร้อมกัน 5 รสชาติ ประกอบด้วย แบรนด์คาราบาว 2 รสชาติ ได้แก่ Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล) ขณะที่แบรนด์ตะวันแดง เปิดตัว 3 รสชาติ ประกอบด้วย Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่) และ IPA Beer (เบียร์ไอพีเอ) สะท้อนศักยภาพในการผลิตเบียร์หลากหลายประเภทของโรงงานผลิตเบียร์ระดับโลก ณ จังหวัดชัยนาท ตอกย้ำความเป็น สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก (World Class Product, World Class Brand)

เสถียร์ ย้ำว่า ในครั้งนี้ได้ทุ่มงบการตลาดมากที่สุดรอบ 20 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” โดยกลยุทธ์หลักช่วงแรกมุ่งเอ็ดดูเคทตลาดถึงมาตรฐานใหม่ของเบียร์ขั้วที่ 3 พร้อมทำให้ผู้บริโภคเข้าใจและเปิดใจว่าเบียร์ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก และเบียร์ที่คนนิยมดื่มกันในระดับสากลนั้นเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องรสชาติ ความเข้มข้นที่แตกต่างจากเบียร์เดิมที่อยู่ในตลาด 

สำหรับราคาเบียร์คาราบาว แบบขวด 490 มล. ราคา 60 บาท กระป๋อง 320 มล. ราคา 40 บาท ส่วน ตะวันแดง กระป๋อง 320 มล. ราคา 45 บาท

พร้อมเตรียมกิจกรรมการตลาดครบเครื่องทุกช่องทาง หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ นั่นคือ การตัดสินใจต่อสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup อีก 3 ปี กับ English Football League (EFL) จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2024 ซึ่งจะทำให้คาราบาวเป็นสปอนเซอร์หลักฟุตบอล Carabao Cup ไปจนถึงปี 2027 ถือว่ายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ EFL 

และเพื่อสานต่อกลยุทธ์ Sport Marketing ระดับโลก ได้เปิดตัวแคมเปญใหญ่ เครื่องดื่ม คาราบาวพาทุกคนไป “สัมผัสประสบการณ์ระดับโลก เชียร์บอล เชียร์บาว” ชมฟุตบอลระดับโลกติดขอบสนาม ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีบินลัดฟ้าสู่ประเทศอังกฤษ ชมศึก Carabao Cup ฤดูกาล 2023/24 รอบชิงชนะเลิศ 

“มั่นใจว่าจะเข้ามาสร้างกระแสและดึงให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์เข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคทั่วประเทศให้เร็วที่สุดตอกย้ำความเป็นสินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น”

อีกกลยุทธ์สำคัญคือ “ช่องทางการกระจายสินค้า” โดยเบียร์ทั้ง 5 รสชาติ ปูพรมจำหน่ายในร้านค้าเครือข่ายของกลุ่มคาราบาว ได้แก่ ซีเจ มอร์ 1,000 สาขา ร้านถูกดี มีมาตรฐาน กว่า 5,000 ร้านและหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 31 แห่ง ที่เข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางโมเดิร์นเทรด และเทรดดิชันนอลเทรด 

พร้อมกันนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างการกระจายสินค้าในเครือใหม่ทั้งหมดมุ่งสู่ “ตัวแทนจำหน่ายระดับอำเภอทั่วประเทศ” โดยตรง เพื่อลดขั้นตอนการกระจายสินค้า ทำให้สินค้าเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพและรสชาติที่ดี

เสถียร ย้ำว่า อีกจุดแข็งสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่า เบียร์ทั้ง 2 แบรนด์จะได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี คือความแข็งแกร่งของแบรนด์ โดยเฉพาะ “คาราบาว” ได้การยอมรับในระดับโลก ปัจจุบันมีการส่งออกไปยัง 42 ประเทศ ครอบคลุมทุกทวีป รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอล EFL ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ” มาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งทำให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ขณะที่ “ตะวันแดง” ในฐานะโรงเบียร์ ไมโครบริวเวอรี่ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในไทย ยืนหยัดมากว่า 20 ปี 

"กลุ่มคาราบาวตั้งเป้าส่งออกเบียร์ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย เป็นประเทศที่มีร้านอาหารไทยจำนวนมากอันดับต้นๆ ของโลก"

ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว การเข้ามาในตลาดของกลุ่มคาราบาวจะทำให้เห็น Movement ของตลาดที่แอลกอฮอลล์ 5 แสนล้านบาทเปลี่ยนไป! 

“เบียร์” จะเป็นหัวรถจักรที่สำคัญ ที่จะพาสินค้ากลุ่มแอลกอฮอล์ให้เติบโตไปด้วย พร้อมเป็นแกนนำให้ธุรกิจอื่น ๆ ในเครือคาราบาวเติบโตมากขึ้นไปอีก