ส่อง 10 ไฮไลต์ ‘เซ็นทรัล เวสต์วิลล์’ โลว์คาร์บอนแห่งแรก-ดีเดย์เปิด 29 พ.ย.นี้

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแผนครั้งสำคัญในช่วงปลายปี 2566 ด้วยการเปิดโฉม "ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เวสต์วิลล์" โดยเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 40 ของบริษัท และมีไฮไลต์สำคัญของศูนย์การค้าแห่งนี้ที่มีความแตกต่างจากการพัฒนาศูนย์การค้าในแห่งอื่นๆ ในหลายด้าน

1. การเป็นศูนย์การค้าต้นแบบความยั่งยืนแห่งอนาคต กับ Low Carbon Mall อย่างครบวงจรที่สุด ชูแนวคิดใส่ใจเรื่องการลดใช้พลังงาน และการใช้เครื่องปรับอากาศที่น้อยกว่าแห่งอื่นๆ แต่ได้การวางระบบพลังงานน้ำและพลังงานลม ผสมผสานสู่การเป็นต้นแบบศูนย์การค้าที่ใช้คาร์บอนต่ำ และจัดทำ EV Charges ให้บริการวม 23 จุด สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด

 

2. การจัดทำศูนย์การค้าเป็น Semi-Outdoor โดยมีพื้นที่เปิดโล่งถึง 30% มากที่สุดแห่งนึง เมื่อเทียบกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลแห่งอื่นๆ 

3. การออกแบบแนวคิดใหม่ “Reimagine Harmony with Nature” รวมพื้นที่สีเขียวไว้ในพื้นที่อาคารเพื่อสร้างบรรยากาศสดชื่น ทั้งจัดทำพื้นที่สวน Pocket Park และการปลูกต้นไม้ใหญ่ในอาคาร จัดทำน้ำตกใจกลางพื้นที่เพื่อให้ไอเย็น ส่งผลดีต่อการลดอุณภูมิอากาศของโซน Outdoor ไปจนถึงการสร้าง Community and Relaxation space ให้กับลูกค้า

อีกทั้งได้ออกแบบ Exterior Design ทั้ง Façade อาคารและ Skylight ที่ได้แรงบันดาลใจจากร่มเงาของต้นไม้ Tree Canopy Shading ทำให้ลูกค้าสัมผัสธรรมชาติ ทั้งแสงแดด สายลม เสียงน้ำ ต้นไม้ ทั้งหมดร่วมมอบ Sensational Experience ในการใช้ชีวิต ส่วนบริเวณพื้นที่ Main Indoor Area ได้ใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติมาใช้ในการออกแบบศูนย์การค้า พร้อมนำวัสดุ Re-use มาผสมผสานในงานดีไซน์ 

ทั้งหมดทำให้ศูนย์การค้ามีพื้นที่สีเขียวกว่า 3,600 ตร.ม. โดยได้ดึงบริษัทชื่อดังร่วมออกแบบพื้นที่สีเขียว ได้แก่ 1. Architect - Stu/d/o 2. Interior - Phtaa 3. Landscape - Field Landscape และ 4. Graphic & Signage - Dinsor พร้อมมี "นางสาวจุฑาธรรม จิราธิวัฒน์" Head of Business Development บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมเป็นที่ปรึกษา

4. การจัดทำ Petsumer Community เป็นอีกจุดเด่นที่สำคัญ ที่เปิดให้นำสัตว์เลี้ยงมาเดินร่วมกับลูกค้า โดยจัดทำ Pet-Friendly Landmark พื้นที่รวมกว่า 1,000 ตร.ม. พร้อมด้วย Pet Facilities ครบวงจร ทั้งร้านอาหาร Pet-Friendly มีจำนวน 17 ร้านดังในโซน Semi-Outdoor ทั้งหมด ซึ่งเปิดให้ลูกค้านำสัตว์เลี้ยงมาทานอาหารพร้อมกันได้และรังสรรค์เมนูอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย อีกทั้งได้จัดทำโซน Buddy Yard เปิดให้พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นได้ การจัดทำ Pet Lobby, Cart Service, Leash Pole, Water & Waste Station รวมทั้งร้าน PET 'N ME แฟลกชิปสโตร์แห่งแรก และร้าน Nana Café และ Pet-Friendly Café เป็นต้น

5. การผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัล เปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ Central Factory ภายใต้งบลงทุน 750 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ 19,000 ตร.ม. ซึ่งเน้นงานลอฟท์ในการออกแบบ และใช้วัสดุ Reuse ทั้งโครงเหล็กและงานไม้ อีกทั้งได้ออกแบบให้มีแสงธรรมชาติเข้าถึงมากที่สุด พร้อมกันนี้ได้ดึงร้านดังอย่าง Tops Food Hall, Power Buy, B2S, Supersports และ OfficeMate มาร่วมเปิดในพื้นที่

6. Waterfall Amphitheatre การจัดทำม่านนํ้าตกสูงกว่า 20 เมตร เป็นหนึ่งในจุดไฮไลต์ของโครงการและอยู่ใจกลางศูนย์การค้า วางหมุดหมายให้เป็นพื้นที่พบปะของคนในย่านราชพฤกษ์

7. Sky Garden & Running Track การจัดทำ ลู่วิ่งยาวกว่า 400 เมตร อยู่บนสวนดาดฟ้า ออกแบบให้เหมาะสมตามมาตรฐานลู่วิ่งที่ใช้ในการแข่งขัน อีกทั้งได้สร้าง Outdoor Activity ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวทั้ง SkyRise Adventure ซึ่งเป็น Outdoor Rope Course แห่งแรกในประเทศไทย

อีกความพิเศษกับการดึง JETTS Black - Premium Fitness มาเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมมีแบรนด์ Sports Fashion ทั้ง Adidas, Puma, Vans, Skechers และ Le Coq Sporsac สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย

8. Eco-consumer & Sustainability การร่วมมือกับ Tenant collaboration ในกลุ่มร้านค้าจัดกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกัน เช่น ร่วมจัดกิจกรรมการตลาดส่งเสริมพฤติกรรมรักษ์โลก การลดการแจกถุงพลาสติก งดใช้หลอดและ Encourage ให้หันมาใช้แก้วส่วนตัว เป็นต้น

9. การร่วมสร้างย่านใหม่ หรือ “Westville District” ให้กับเมือง เพื่อยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ปักหมุดเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของย่าน และเป็นเดสทิเนชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้แบบ 360 องศา จากจุดแข็งของย่านนี้มีหมู่บ้านระดับราคา 15-100 ล้านบาท ที่มีจำนวนราว 1.50 แสนยูนิต เป็นฐานประชากรกลุ่มบีบวกขึ้นไป รวมประมาณ 6 แสนคน 

10.กลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าทุกวัยในย่านนี้ มุ่งตอบโจทย์ทั้ง People-Pet-Planet ด้วย Around-the-Clock Lifestyle หรือเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตในศูนย์การค้าได้ตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงคืน อีกทั้งได้ออกแบบให้สอดรับกับเทรนด์ของโลก ที่มุ่งในด้าน Mindfulness, Health Consciousness และ Sustainability ที่มีความสอดคล้องกัน

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด และ นางสาวจุฑาธรรม จิราธิวัฒน์ Head of Business Development บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อีกความโดดเด่นของศูนย์การค้าแห่งนี้เมื่อลูกค้าเดินผ่านประตูเข้ามาในพื้นที่ก็จะสัมผัสได้ถึง "กลิ่นหอมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ" สำหรับพื้นที่เป็นแห่งแรก เพื่อสร้างบรรยากาศที่พิเศษ และเป็นรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ศูนย์การค้าออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ "West at Its Best หรือ ดีที่สุด ให้ทุกชีวิตสุดดี” มีกำหนดเปิดให้บริการทางการในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ด้วยมูลค่าโครงการ 6,200 ล้านบาท ขนาดพื้นที่รวม 93,000 ตร.ม. โดยเซ็นทรัลพัฒนา กำหนดวิสัยทัศน์ที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด เดินหน้าการเป็น Place Maker ผู้พัฒนาพื้นที่แห่งอนาคต ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิต การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน