สายการบิน SAS รีเทิร์นบินตรง โคเปนเฮเกน-กรุงเทพฯ ในรอบ 10 ปี ดึงสแกนดิเนเวียน

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวว่า วานนี้ (31 ต.ค.) ททท.ได้ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในรอบ 10 ปี ของสายการบิน สายการบิน “Scandinavian Airlines” (SAS) เที่ยวบิน SK973 บินตรงจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากหยุดให้บริการเส้นทางดังกล่าวไป 10 ปี ถือเป็นนิมิตหมายอันดีและมีนัยยะสำคัญต่อการพลิกฟื้น “ตลาดท่องเที่ยวระยะไกล” (Long-Haul Market) รวมทั้งเป็นปัจจัยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว (Ease of Travelling) จากภูมิภาคยุโรปเดินทางเข้ามายังประเทศไทยในช่วงไฮซีซันนี้

Tina Szczyrbak ผู้จัดการด้านการส่งเสริมแบรนด์ สายการบิน SAS กล่าวว่า สายการบิน SAS เปิดให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ จากประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียมาอย่างยาวนานกว่า 64 ปี จนกระทั่งหยุดให้บริการ เมื่อปี 2556 และการกลับมาของเที่ยวบินตรงหลังจาก 10 ปี ถือเป็นเรื่องน่ายินดี

โดยเส้นทางบินตรงสู่กรุงเทพฯ ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในการส่งเสริมภาพลักษณ์ในฐานะจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางชาวสแกนดิเนเวีย สำหรับการเดินทางทั้งประเภทธุรกิจและการท่องเที่ยวพักผ่อน รวมทั้งสะท้อนความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกด้วยเที่ยวบินตรงสายการบิน SAS เส้นทาง กรุงโคเปนเฮเกน-กรุงเทพฯ จะให้บริการในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2566 – 2 เมษายน 2567 สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A350 รองรับผู้โดยสาร 300 คนต่อเที่ยวบิน

ตลาด “กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย” (เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน) เป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพระยะไกล  โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจากตลาดสแกนดิเนเวียเข้าประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น 254,417 คน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ถึง 149.66% โดยเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป กลุ่ม Active Senior ซึ่งจะนิยมเดินทางเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน คู่รัก และเป็นกลุ่มที่เดินทางกลับมาท่องเที่ยวซ้ำ (Revisit) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีอัตราวันพักค้างอยู่ที่ 18 วัน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน ประมาณ 5,400 บาท และนิยมเดินทางท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทะเลและชายหาด โดยมีจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่า การเปิดเส้นทางบินตรงมายังกรุงเทพฯ ของสายการบิน SAS จะช่วยเพิ่มจำนวน Seat Capacity ประมาณ 20,100 ที่นั่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และเป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลดีต่อการผลักดันเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดสแกนดิเนเวียสู่ 404,452 คน และสร้างรายได้ 39,312 ล้านบาทในปี 2566