ค้าปลีกญี่ปุ่น 'ดองกิ-ไดโซ-นิโตริ' เร่งขยายสาขาในไทย มั่นใจตลาดโตแกร่ง

ค้าปลีกญี่ปุ่น 'ดองกิ-ไดโซ-นิโตริ' เร่งขยายสาขาในไทย มั่นใจตลาดโตแกร่ง

จับตาค้าปลีกทุนญี่ปุ่น เร่งขยายสาขาในไทยในรูปแบบร้านค้าปลีกแบบเฉพาะทาง ทั้ง ไดโซ ร้านดอง ดอง ดองกิ และ นิโตริ นำเสนอร้านค้าที่หลากหลาย สินค้ารูปแบบใหม่ๆ ชี้โอกาสตลาดในไทยที่กำลังเติบโต

สำรวจภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในไทยปี 2566 ได้มีการเร่งขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากทุนไทยรายใหญ่ ทั้งกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มสยามพิวรรธน์ กลุ่มเดอะมอลล์ ไปจนถึงกลุ่มค้าปลีกอย่างโลตัส บิ๊กซี และร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นต้น ที่มีการนำเสนอแผนลงทุนไปในทำเลต่างๆ ทั่วประเทศ และในต่างประเทศ

แต่ในกลุ่มทุนค้าปลีกจากต่างชาติในค้าปลีก อย่างประเทศญี่ปุ่น มีการรุกธุรกิจในไทยต่อเนื่อง รวมถึงในปี 2566 เช่นกัน โดยหากนับตั้งแต่ร้านค้าปลีกแบบเฉพาะทาง (Special store) อย่าง ไดโซ ได้เข้ามาเปิดสาขาในไทยร่วม 20 ปีแล้ว รวมถึง ร้านดอง ดอง ดองกิ” (DON DON DONKI) ที่เข้ามาเปิดสาขาในไทยกว่า 4 ปี ล่าสุด แบรนด์ นิโตริ ที่เปิดสาขาแฟลกชิปสโตร์ในไทยครั้งแรกในปี 2566 นี้

 

 ไดโซ (Daiso) เป็นทุนค้าปลีกจากญี่ปุ่นที่อยู่ในไทยยาวนานร่วม 20 ปี ดำเนินการลงทุนในไทยโดย บริษัท ไดโซ ซังเกียว (ประเทศไทย) จำกัด มีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท โดยเป็นร้านค้าปลีกแบบเฉพาะทาง (Speaciality store) นำเสนอสินค้า วาไรตี้ จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมนำเสนอสินค้าแบบคุ้มค่าทุกคนเข้าถึงได้สะดวก จึงกำหนดเริ่มต้นที่ 60 บาท

ทำเลของของไดโซ ส่วนใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีก นำเสนอสินค้าจำนวนหลายหมื่นรายการ ในปัจจุบัน ประเมินว่า มีสาขาในไทยกว่า 100 สาขา โดยในปีนี้ มีการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล บางนา และ เดอะ พาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง เป็นต้น

 

ร้านไดโซ หากอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ทุกคนจะคุ้นเคยกับ ร้าน 100 เยน ที่เป็นร้านในรูปแบบเดียวกันของบริษัท ที่ได้เปิดให้บริการกว่า 50 ปีแล้วในญี่ปุ่น โดยบริษัท มีสาขาทั่วโลกเปิดให้บริการกว่า 5,800 สาขา แบ่งเป็น สาขาในญี่ปุ่นกว่า 3,600 สาขา และ 2,200 สาขาใน 24 ประเทศ ส่วนสินค้าที่นำเสนอมีมากกว่า 76,000 รายการ และส่วนใหญ่ 90% บริษัทผลิตเอง

อีกแบรนด์ที่เข้ามาขยายสาขาในไทยกับ “ร้านดอง ดอง ดองกิ” (DON DON DONKI) ซูปเปอร์มาเก็ตห้างสรรพสินค้าชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวคนไทยต้องไปเยือนเมื่อไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการนำเสนอสินค้าญี่ปุ่นที่หลากหลาย ในราคาคุ้มค่า และเปิดให้บริการถึง 24 ชั่วโมงในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้าเลือกชอปปิงทั้งในกลางวันและกลางคืนได้ตามความสะดวก  

บริษัท ได้เข้ามาขยายธุรกิจในไทย ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์ไทยอย่าง บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัททีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนลโฮลดิงส์ จำกัด (PPIH) กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น แพน แปซิฟิค สัดส่วน 60% สหพัฒน์ 22% และทีโอเอ 18% ในชื่อ บริษัทดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 750 ล้านบาท

ทั้งนี้ได้เข้าเปิดสาขาในไทย สาขาแรก ตั้งแต่ปี 2562 สาขาแรกที่ย่านทองหล่อ พร้อมชูการเป็นร้านค้าปลีกแบบเฉพาะทาง ในแบบญี่ปุ่น Japan Speaciality store นำเสนอสินค้าญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ  

ไทม์ไลน์ของดองกิ กับการเปิดสาขาในไทย

  • ปี 2562 ทองหล่อ
  • ปี 2563 สาขา เดอะมาร์เก็ต แบงคอก แต่ปิดให้บริการสาขานี้ไปแล้ว
  • ปี 2564 ที่ ซีคอนสแควร์, เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ และ ซีคอน บางแค
  • ปี 2565 เจ-พาร์ค ศรีราชา
  • ปี 2566 ช่วงต้นปีกับการเปิด สาขาอาคารธนิยะพลาซา ต่อมา เดือน ต.ค.ที่ แฟชั่น ไอส์แลนด์ ต่อมาสาขาที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ ในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้

อีกทั้งในร้านยังสร้างความแปลกใหม่ กับการนำเสนอสินค้า ทั้งเปิดร้านราเม็งแผงลอยสไตล์ญี่ปุ่น กับ Ramen GO ที่มาเปิดเป็นสาขาแรกในไทย  รวมถึง ร้าน ซูชิบาร์กับ Sensen Sushi ที่มีเชฟทำซูชิแบบสดใหม่ในแต่ละชิ้น ในบางสาขา เรียกว่า นำเสนอกลุ่มร้านอาหารมาร่วมกระตุ้นลูกค้าคนไทยเข้าร้านอีกทาง

นอกจากนี้แล้วในปี 2566 นี้ ยังเห็นการมาของแบรนด์ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน กับแบรนด์ นิโตริ (Nitori) เข้ามาเปิดสาขาในไทยครั้งแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นสาขาแฟลกชิปสโตร์ครั้งแรกในไทย ขนาดพื้นที่ 2,600 ตร.ม. พร้อมจัดตั้ง บริษัทในไทยกับ นิโตริ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 210 ล้านบาท

สำหรับการเปิดสาขาในไทย ได้นำเสนอ สินค้าทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน และของตกแต่งบ้าน จำนวนสินค้าประมาณ 5,000 เอสเคยู นำเสนอในรูปแบบเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ 

"ทาเคดะ มาซาโนริ" กรรมการ, ผู้จัดการทั่วไปแผนก Global Merchandising และผู้จัดการทั่วไปแผนก Global Sales Promotion รับผิดชอบส่วนธุรกิจขายต่างประเทศ บริษัท นิโตริ โฮลดิงส์ จำกัด กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า การเปิดสาขาในไทย เป็นตลาดที่มีความสำคัญกับบริษัทในภูมิภาคนี้ และบริษัทมองโอกาสกับตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่มีการขยายตัวดี 

ทั้งนี้ตามแผนการขยายสาขาในไทยช่วงปีแรกจะเปิดสาขารวม 4 แห่ง เน้นทำเลศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ส่วนในปีต่อไป 2567 วางแผนเปิดสาขารวม 10 สาขา ส่วนระยะ 5 ปีข้างหน้าเปิดสาขาในไทยรวม 25 สาขา รวมถึงตั้งเป้าหมายในระยะยาว อยากเปิดสาขาในไทยให้ถึงระดับ 200-300 สาขา 

สำหรับแผนตามปีงบประมาณของบริษัทในปีนี้ จะเปิดสาขาในประเทศญี่ปุ่น 100 สาขา และเปิดสาขานอกประเทศญี่ปุ่น 100 สาขา จากในปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกรวม 930 สาขา แบ่งเป็นในประเทศญี่ปุ่น 793 สาขา และนอกประเทศญี่ปุ่น 137 สาขา ส่วนแผนการขยายสาขาในโกลบอล นับจากนี้ จะเปิดให้ครบ 3,000 สาขา ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 7.20 แสนล้านบาท ภายในปี 2575

ทั้งหมดสะท้อนเห็นได้ว่า กลุ่มทุนค้าปลีกจากประเทศญี่ปุ่น ต่างชูการนำเสนอสินค้าที่มีหลากหลาย พร้อมเน้นคำว่า คุณภาพ รวมถึงกำหนดราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ จึงผลักดันทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวต่อเนื่อง