‘คนไทย’ แต่งหน้ามากขึ้น หลังไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด หนุน ‘ตลาดเครื่องสำอาง’ โตแรง

‘คนไทย’ แต่งหน้ามากขึ้น หลังไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด หนุน ‘ตลาดเครื่องสำอาง’ โตแรง

ยอมจ่ายเพื่อให้ได้ของคุณภาพ! คนรุ่นใหม่ดันเทรนด์ “Conscious Beauty” ผลิตจากธรรมชาติ-ค่าแรงเป็นธรรม ส่วนผสมต้องดี “RX Tradex” ชี้ โควิด-19 ซา คนใส่หน้ากากอนามัยน้อยลง ดันตลาดเครื่องสำอางโตพุ่ง “เอเชีย” ครองสัดส่วน 67 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าสูงสุดในโลก

อุตสาหกรรมความงามไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า-ผิวกายเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยข้อมูลจาก “Euromonitor International” บริษัทสำรวจข้อมูลทางการตลาดระดับโลกประเมินว่า ภูมิภาค “เอเชีย-แปซิฟิก” จะครองสัดส่วนตลาดกว่า 67 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่า 13 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 นับเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุด และสำหรับตลาดภายในประเทศพบว่า มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน โดยข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าระบุว่า ตลาดความสวยความงามไทยในปี 2565 เติบโตกว่าปีก่อนหน้า (ปี 2564) 12.1 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2566 จะขยายตัวอีก 10.4 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่าตลาดรวมทั้งสิ้น 28,651 ล้านบาท

“วราภรณ์ ธรรมจรีย์” กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์​ (RX Tradex) และผู้จัดงาน “COSMEX 2023” ฉายภาพรวมเทรนด์ตลาดความงามในปีนี้ให้ฟังว่า ปัจจุบันเทรนด์วงการความงามที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลกมี 4 เทรนด์ด้วยกัน ดังนี้

1. “Conscious Beauty” หรือความงามอย่างมีสติ คือความสวยงามที่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะเรื่องของ “Sustainibility” ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มีส่วนผสมจากธรรมชาติ กระบวนการผลิตเป็นธรรมต่อแรงงาน เป็นมิตรต่อชุมชน ผู้ผลิตต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม

2. “NeuroGlow” หรือความงามจากภายในจิตใจ เทรนด์นี้ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น ต้องสุขภาพดีทั้งภายในและภายนอก หากเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้วมีสารสกัดจากน้ำมันหอมระเหย มีสรรพคุณช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากกลิ่นหอมอ่อนๆ หรือมีผลการวิจัยผลิตภัณฑ์ในเชิงบวกด้านประสาทวิทยาจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐ

3. “Beauty-AI” หรือเทรนด์การใช้ปัญญาประดิษฐ์ร่วมวิเคราะห์ผิวเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสภาพผิวผู้ใช้งานมากที่สุด โดยจะมีการนำข้อมูลเชิงลึกทั้งไลฟ์สไตล์ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ข้อมูลทางพันธุกรรม ฯลฯ มาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมมากที่สุด อาจเรียกได้ว่า เทรนด์นี้แทบจะเป็นการ “Customized” ผลิตภัณฑ์ตามลักษณะปัจเจกบุคคลเลยก็ว่าได้

4. “Sophisticated Simplicity” หรือความเรียบง่ายที่ซับซ้อน ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสนใจส่วนผสมภายในผลิตภัณฑ์มากกว่าหน้าตารูปลักษณ์ที่สวยงาม หากไม่มีส่วนผสมที่ต้องการแม้จะโปรโมตสินค้าหรือทำการตลาดอย่างไรก็ไม่มีน้ำหนักต่อการตัดสินใจเท่ากับความใส่ใจของผู้ผลิต

ทั้งนี้ “วราภรณ์” ยังเปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” เพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตลาดความสวยความงามในไทยโตต่อเนื่องแม้จะเป็นช่วงโควิด-19 ก็ตาม โดยจากการพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบพบว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดเครื่องสำอางที่ได้รับความนิยม คือส่วนที่อยู่นอกเหนือหน้ากากอนามัย ได้แก่ คิ้ว ตา รวมถึงลิปสติกที่มีคุณสมบัติติดทน-ไม่เลอะมาสก์ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของผิวจากการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานานก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยหลังจากการระบาดใหญ่สิ้นสุดลงเครื่องสำอางประเภทอื่นๆ ทั้งผิว แก้ม และโครงหน้า ก็ได้รับความนิยมตามลำดับ

สำหรับงาน “COSMEX 2023” ในปีนี้ ผู้จัดงานตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงานกว่า 25,000 คนเป็นอย่างน้อย โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ หรือหากต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจความงามก็สามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนภายในงานได้เช่นกัน โดยงานจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00-18.00 น. ณ ฮอลล์ 100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค