เอกชนจี้รัฐบาลฟื้นเชื่อมั่นเหตุกราดยิง กระทบ ‘จีนเที่ยวไทย’ หาย 2 แสนคน

เอกชนจี้รัฐบาลฟื้นเชื่อมั่นเหตุกราดยิง กระทบ ‘จีนเที่ยวไทย’ หาย 2 แสนคน

บริษัททัวร์จีนประเมิน 'เหตุกราดยิง' กระทบตลาด 'นักท่องเที่ยวจีน' ระยะสั้น 2 เดือนช่วงไฮซีซัน ยอดหาย 2 แสนคน สูญรายได้ 1 หมื่นล้านบาท คาดกลับมาปกติ ม.ค. 2567 ดีต่อเนื่องถึงตรุษจีน หวังนายกฯ 'เศรษฐา' เยือนจีน เร่งฟื้นเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ตอกย้ำให้ผู้นำรัฐบาลจีนสบายใจ

หลังเกิดเหตุกราดยิงในห้างสยามพารากอนเมื่อวันที่ 3 ต.ค. จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นชาวจีน และผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ผู้ประกอบการบริษัททัวร์จีนระบุว่า จากการติดตามผลกระทบตลาดนักท่องเที่ยวจีนร่วม 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางเป็นส่วนน้อย โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางส่วนตัว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) บางส่วนเริ่มลังเลว่าจะเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงนี้ดีหรือไม่ ขณะที่ยอดจองการเดินทางใหม่พบว่าชะลอการจองเข้ามาช้าลง

แหล่งข่าวจากวงการบริษัททัวร์ตลาดนักท่องเที่ยวจีน กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในระยะสั้น 1-2 เดือนแรก ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปหลักหมื่นคนหรือมากสุด 1 แสนคนต่อเดือน

จากเดิมเดือน พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะเป็นเดือนที่นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาเที่ยวไทยจำนวนมาก มีจำนวนเดินทางเข้าไทยเกิน 6 แสนคน น่าจะลดลงเหลือ 5 แสนคน ขณะที่เดือน ธ.ค. เดิมคาดว่าจะเข้ามาเกิน 7 แสนคน น่าจะลดลงเหลือ 6 แสนคน รวมแล้วในช่วง 2 เดือนดังกล่าว (พ.ย.-ธ.ค.) นักท่องเที่ยวจีนน่าจะหายไปประมาณ 2 แสนคน สูญรายได้ 10,000 ล้านบาท คิดจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 50,000 บาทต่อคนต่อทริป

“เดิมประเมินว่าในเดือน พ.ย.นี้จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยจำนวนมากเป็นกอบเป็นกำ และมั่นใจมากว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. จากปัจจัยบวกรัฐบาลออกมาตรการยกเว้นการขอวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นการชั่วคราว ระยะเวลากว่า 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 แต่พอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทำให้ต้องประเมินตลาดใหม่ คาดส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนระยะสั้น 1-2 เดือนนี้ และน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในเดือน ม.ค. 2567 ต่อเนื่องไปถึงโกลเด้นวีคหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนเดือน ก.พ. 2567 โดยผู้ประกอบการท่องเที่ยวหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”

หวัง ‘เศรษฐา’ เร่งฟื้นเชื่อมั่นรัฐบาลจีน

แหล่งข่าวจากบริษัททัวร์รายดังกล่าว ระบุด้วยว่า ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศจีนเร็วๆ นี้ หากมีโอกาสได้เข้าพบนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ต้องตอกย้ำว่าเมืองไทยปลอดภัย เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย และจะดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ให้รัฐบาลจีนสบายใจ ไม่มีนโยบายกีดกันคนจีนเดินทางมาเที่ยวไทย นอกจากนี้อยากให้เร่งประชาสัมพันธ์บนโลกโซเชียลมีเดียของจีน ให้ชาวจีนที่มาเที่ยวไทยเป็นผู้บอกต่อข่าวสารเชิงบวกว่ามาเที่ยวไทยได้อย่างมั่นใจ ดีกว่าฝั่งไทยเป็นคนพูดเอง

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งออกมาตรการด้านต่างๆ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะมาตรการดูแลความปลอดภัย แหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่สาธารณะที่มีคนรวมกันหมู่มากต้องมีมาตรการตรวจค้นอาวุธ ติดตั้งกล้องวงจรปิด มีเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำจุดต่างๆ รวมถึงระบบข้อความเตือนภัย (SMS Alert) การใช้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุให้เป็นที่ยอมรับของสังคม และรู้สึกว่าผู้เสียหายได้รับการดูแลอย่างยุติธรรม นี่คือประเด็นที่สำคัญมากๆ

“หากนายกฯ เศรษฐา มีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศจีน สิ่งที่อยากให้ย้ำกับรัฐบาลจีนคือมาตรการดูแลความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเมื่อเดินทางมาประเทศไทย พร้อมแสดงความจริงใจแก่รัฐบาลจีนว่าประเทศไทยพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ยอมรับในผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก และที่สำคัญต้องดูแลผู้เสียหายอย่างดีที่สุด ครอบครัวเขาจะได้พูดถึงประเทศไทยในเชิงบวก”

 

โกลเด้นวีค ต.ค. ทัวริสต์จีนพุ่ง 1.5 หมื่นคนต่อวัน

นายอดิษฐ์ เลขาธิการ แอตต้า กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยก่อนหน้านี้หลังจากรัฐบาลออกมาตรการวีซ่า-ฟรีแก่นักท่องเที่ยวจีน ทางผู้ประกอบการทัวร์จีนต่างตอบรับดีมาก ตื่นเต้นพอสมควร และคิดว่าเป็นความหวังในการทำตลาด โดยจากสถิติการเดินทางช่วงสัปดาห์แรกของมาตรการวีซ่า-ฟรี ซึ่งตรงกับโกลเด้นวีควันชาติจีน (1 ต.ค.) มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 15,000-17,000 คนต่อวัน เติบโต 2 เท่าเทียบกับช่วงก่อนมีมาตรการวีซ่า-ฟรี ซึ่งมีจำนวนเดินทางเข้าไทย 7,000 คนต่อวัน

“เดิมคาดหวังว่าหากหมดโกลเด้นวีควันชาติจีนไปแล้ว ถ้ายังยืนอยู่ในระดับนี้ได้จนถึงเดือน พ.ย. ก็คาดว่าตลาดจีนเที่ยวไทยจะดีขึ้นอย่างมากในเดือน ธ.ค. 2566 ไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนเดือน ม.ค.2567 แต่กลับมาเจอเหตุการณ์นี้ที่ตอกย้ำว่าประเทศไทยยังมีข้อบกพร่องเรื่องความปลอดภัย”

ทั้งนี้ อาจต้องเลื่อนกำหนดการจัดโรดโชว์ส่งเสริมการขายของแอตต้าที่ประเทศจีนไปเป็นหลังเทศกาลปีใหม่ช่วงต้นเดือน ม.ค. 2567 เมื่อสถานการณ์เรื่องนี้ดีขึ้น เพื่อเตรียมกระตุ้นการเดินทางช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน จากเดิมแอตต้ามีแผนจัดโรดโชว์ในปลายเดือน พ.ย. หรือต้นเดือน ธ.ค. ปีนี้

 

จี้รัฐบาลเจรจาสิทธิการบิน-ให้วีซ่าฟรี ‘อินเดีย’

ล่าสุด แอตต้าเพิ่งจัดโรดโชว์ที่นครมุมไบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการเงินของประเทศอินเดียเมื่อต้นเดือน ต.ค. เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียให้เดินทางเข้าไทยมากขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวนสะสมช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) มากกว่า 1 ล้านคน โดยพฤติกรรมของชาวอินเดียเดินทางเฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งคนละประมาณ 70,000 บาท

“อุปสรรคที่รัฐบาลไทยต้องเร่งแก้ไข คือการเจรจากับทางการอินเดียเรื่องเพิ่มสิทธิการบิน ขยายจำนวนเที่ยวบินเส้นทางไทย-อินเดีย ให้สายการบินสามารถทำการบินตรงจากเมืองใหญ่ของอินเดียเข้าไทยได้มากขึ้น นอกจากนี้ทางเอเยนต์และลูกค้าตลาดอินเดียได้สอบถามมาทางแอตต้าว่าประเทศไทยจะออกมาตรการยกเว้นวีซ่า หรือ วีซ่า-ฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดียได้เมื่อไร ในเมื่ออินเดียก็เป็นตลาดสำคัญและนิยมมาเที่ยวไทยอย่างมากเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าตลาดอินเดียต้องการมาตรการนี้สูง และหวังว่ารัฐบาลไทยจะพิจารณายกเว้นวีซ่าให้โดยเร็ว”

 

ททท. รุกสื่อสาร ‘Thais Always Care’

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสื่อสารให้โลกรู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ไม่อยากโทษใคร สิ่งที่ต้องทำคือเร่งยกระดับความปลอดภัยในทุกพื้นที่ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับไปดูแลแล้ว

“ททท.ต้องปรับการสื่อสารไปทั่วโลกว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และจะมีแคมเปญสื่อสารไปในโลกออนไลน์ ภายใต้ข้อความ Thais Always Care หรือ คนไทยใส่ใจเสมอ เพื่อต้องการบอกว่าคนไทยแคร์เรื่องที่เกิดขึ้น และเป็นห่วงความรู้สึกของทุกคน ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับทุกคน และไม่ใช่แค่กับนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้น แต่รวมถึงชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย และคนไทยด้วย”

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ททท.มีแผนจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีน นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการฝั่งจีนอยู่แล้วในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ โดย ททท.เตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation : MOC) กับเอกชนท่องเที่ยวจีน เพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวตามแผนเดิม