ส่องแผนค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง 'ไทวัสดุ' วางโรดแมปสู่ความยั่งยืน  

ส่องแผนค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง 'ไทวัสดุ' วางโรดแมปสู่ความยั่งยืน   

ไทวัสดุ เร่งแผนค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสู่ความยั่งยืน นำรถอีวีทรัค เสริมแกร่งโลจิสติกส์ เพิ่มสินค้ากรีน สอดรับยุทธศาสตร์เซ็นทรัลรีเทล ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า บริษัทได้วางนโยบายธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยการนำรถบรรทุกพลังงานสะอาด หรือ หรืออีวีทรัค (EV Truck) มาใช้บริหารจัดการในการขนส่งสินค้า พร้อมเพิ่มจากเดิม 21 สาขาสู่ 60 สาขา รวมถึงการเพิ่มจำนวนรถอีก 5 คันภายในสิ้นปี 2566 นี้ และวางแผนเพิ่มจำนวนรถในทุกๆ ปี

ขณะเดียวกันได้มีการขยายสถานีชาร์จ ไปใน 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และให้ครบ 5 ภูมิภาคภายในปี 2567 รวมถึงได้ขยายสินค้าในกลุ่มรักษ์โลก ที่มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน และมีกระบวนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้ากลุ่มนี้ได้มากขึ้น ทั้งหมดจะเป็นหนึ่งแนวทางสร้างต้นแบบให้คู่ค้า ปรับดำเนินนโยบายที่สร้างความยั่งยืนในทิศทางเดียวกัน

 

นางปริยวดี ประจวบเหมาะ Head of Supply Chain and vFIX บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ไทวัสดุได้นำ อีวีทรัคเข้ามาใช้ในระบบโลจิสติกส์ – ซัพพลายเชนของไทวัสดุ เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว โดยช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 456 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 20,976 ต้น

สำหรับการใช้รถอีวีทรัค ยังมีความโดดเด่นทั้งสมรรถนะการขนส่งเทียบเท่ารถบรรทุกดีเซล ซึ่งไทวัสดุ เป็นรายเดียวในไทยที่ใช้อีวีทรัคในลักษณะรถพ่วงแม่ลูก ขนาดใหญ่ สามารถขนส่งสินค้าได้ 24 พาเลตเทียบเท่ากับรถเครื่องยนต์ดีเซล ระยะทางในการเดินรถต่อการชาร์จ 1 ครั้งจะอยู่ที่ 250 – 400 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับน้ำหนักในการบรรทุกสินค้า มีอัตราการเร่งสูงถึง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถวิ่งผ่านเส้นทางลาดชันได้อย่างปลอดภัย

 

ส่องแผนค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง \'ไทวัสดุ\' วางโรดแมปสู่ความยั่งยืน   

ทางด้านมาตรฐานความปลอดภัยจากมอเตอร์ไฟฟ้าของรถอีวีทรัคไทวัสดุ มีระบบกันน้ำ สามารถลุยน้ำลุยฝนได้ มอเตอร์มีอายุการใช้งาน 10 ปี รวมถึงมีการติดเซนเซอร์รอบคันเพื่อส่งสัญญาณเตือน เมื่อเดินรถด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อให้คนโดยรอบทราบว่ามีรถกำลังเคลื่อนที่มาเพื่อป้องกันอันตรายจากความเงียบของเสียงเครื่องยนต์ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ทุกคน 

“เป็นลงทุนที่สร้างประโยชน์ให้แก่บริษัท แม้ว่าราคาของรถอีวีทรัคจะสูงกว่ารถบรรทุกดีเซล แต่มีประสิทธิผลที่คุ้มค่า ทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง และการดูแลรักษาระบบเครื่องยนต์ที่ลดลงไปกว่า 16% ต่อปี”

อย่างไรก็ตาม การปรับไปสู่อีวีทรัคในครั้งนี้ มีความสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทเซ็นทรัล รีเทล ที่จะมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยวางนโยบายใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด การร่วมส่งเสริมให้คู่ค้า และผู้บริโภคสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

ส่องแผนค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง \'ไทวัสดุ\' วางโรดแมปสู่ความยั่งยืน   

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์