สยามพิวรรธน์จัดทัพบุกเอเชีย ยักษ์อสังหาฯ ดึงปั้น ‘เวิลด์คลาสเดสติเนชั่น’

สยามพิวรรธน์จัดทัพบุกเอเชีย ยักษ์อสังหาฯ ดึงปั้น ‘เวิลด์คลาสเดสติเนชั่น’

สยามพิวรรธน์ มั่นใจศักยภาพพร้อมบุกต่างประเทศเสริมแกร่งผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางสำคัญระดับโลก หลังยักษ์อสังหาฯ หลายประเทศรุมจีบดึงลงทุนสร้าง "แลนด์มาร์ก-เวิลด์คลาสเดสติเนชั่น" ในภูมิภาคเอเชีย เล็งแต่งตัวเข้าตลาดฯ ระดมทุนรับยุทธศาสตร์ระยะยาว

เปิดเกมรุกครั้งใหญ่ของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ ค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ วันนี้พร้อมแล้วที่จะก้าวสู่สนามการค้าระดับโกลบอลต่อยอดธุรกิจสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยความมั่นใจในฐานะผู้นำการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่ประสบความสำเร็จและมีความสำคัญระดับโลก หรือ 'World-class Destination' ที่ได้รับการยอมรับนับถือในเวทีพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า ขณะนี้วงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เริ่มมีการตื่นตัวมากขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤติการณ์โควิด-19  

“ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับต้นๆ จากหลายประเทศที่เดินทางมาเยี่ยมชมศูนย์การค้าต่างๆ ของสยามพิวรรธน์เป็นจำนวนมาก ได้แสดงความประสงค์ที่จะให้สยามพิวรรธน์ไปร่วมลงทุน เพื่อสร้างโครงการที่เป็นแลนด์มาร์กในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย”

สยามพิวรรธน์จัดทัพบุกเอเชีย ยักษ์อสังหาฯ ดึงปั้น ‘เวิลด์คลาสเดสติเนชั่น’

การที่สยามพิวรรธน์ได้รับการทาบทามให้ไปร่วมลงทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในหลายประเทศนั้น ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นบทพิสูจน์ว่า งานและโครงการต่างๆ ของสยามพิวรรธน์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยด้วยคอนเซปต์แปลกใหม่และเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศ สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในสาขาต่างๆ บนเวทีโลก สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คน และล้วนแต่เป็นโครงการที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง

แผนปักหมุดแลนด์มาร์กนอกบ้านครั้งนี้ สอดรับกับการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของสยามพิวรรธน์ที่นอกจากมุ่งขยายการลงทุนภายในประเทศแล้ว คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบที่จะศึกษาการขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย!  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผน คาดเสร็จสมบูรณ์ พร้อมประกาศแผนได้ต้นปี 2567 นับเป็นแนวทางสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้สยามพิวรรธน์ยิ่งขึ้น 

ความพร้อมและความแข็งแรงของธุรกิจสยามพิวรรธน์สะท้อนได้จากผลประกอบการทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 สร้างรายได้เติบโตกว่า 25% จากปี 2565 โดยมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยาม (ONESIAM) ประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ มากถึง 45 ล้านคน เติบโตกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา

ขณะที่ 'ไอคอนสยาม' ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากในหลายประเทศว่า เป็นโครงการต้นแบบของการพัฒนา “โครงการเมือง” ที่รวบรวมความครบครันของการชอปปิง เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ศิลปวัฒนธรรม และนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกสบาย รวมถึง โรงแรมและคอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัยเหนือระดับ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ รองรับด้วยการสัญจรที่เชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว 

"ไอคอนสยาม เป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้อยากมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก มีลูกค้ามาเยี่ยมเยือนแตะวันละ 100,000 คน และ 6 เดือนแรกของปีนี้มีผู้มาใช้บริการในไอคอนสยามทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกันถึง 15.5 ล้านคน เติบโต จากปี 2565 อย่างมากถึง 70%"

ชฎาทิพ กล่าวต่อว่า  เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์และการขยายธุรกิจระยะยาว บริษัทฯ ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัท หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและวางแผนทางการเงิน ศึกษาเรื่องการระดมทุนที่เหมาะสม รวมทั้งความเป็นไปได้ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต

วันนี้ สยามพิวรรธน์ พร้อมแล้วที่จะก้าวออกไปต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม!