เซ็นทรัลท้าชนแม็คโครชิง ค้าส่ง ทุ่ม 2 หมื่นล้านส่ง โก โฮลเซลล์ เป้า5ปี 50 สาขา

ส่องสมรภูมิค้าส่งไทยในปี 2566 เป็นที่น่าจับตามองกับการมาของกลุ่มทุนค้าปลีกไทยรายใหญ่อย่าง เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ส่งแบรนด์ใหม่เข้ามาขยายตลาด พร้อมมุ่งแนวทางการร่วมมือระหว่าง นำพาธุรกิจทุกกลุ่มขยายตัวไปด้วยกัน

ทั้งนี้ภาพรวมตลาดค้าส่งไทยที่มีผู้ประกอบการหลักในตลาดอย่าง แม็คโคร โดย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ดำเนินธุรกิจค้าส่งมายาวนานร่วม 34 ปีแล้ว ก้าวสู่ผู้นำในตลาดค้าส่งในไทย และมีสาขารวม 154 สาขาในปัจจุบัน ซึ่งมีธุรกิจค้าส่งกับ แม็คโคร และ แม็คโครฟู้ดเซอร์วิส ส่วนธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต อย่าง โลตัส

ขณะที่เครือไทยเบฟ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่มีบริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น ได้ปรับมาสยายปีกประกอบธุรกิจค้าส่งอย่างหลากหลายโมเดล ทั้งบิ๊กซี ฟู้ด เซอร์วิส (Big C Food Services) รวมทั้งค้าส่งและค้าปลีก และ เอ็มเอ็ม ฟู้ดเซอร์วิส (MM Food Service) ธุรกิจรูปแบบขายส่งอาหารสด อาหารแห้ง เจาะกลุ่มโฮเรก้า ส่วนไฮเปอร์มาร์เก็ตคือ บิ๊กซี

กลุ่มเซ็นทรัล โดย เจ้าสัวทศ จิราธิวัฒน์ ที่มีบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ได้มีธุรกิจค้าส่งกับ ท็อปส์คลับ โมเดลที่เน้นรูปแบบสมาชิกเข้ามาซื้อสินค้า และล่าสุดในปี 2566 โก โฮลเซลล์ ค้าส่งขนาดใหญ่ เข้ามาชิงตลาดในครั้งนี้ แสดงถึงโอกาสและการแข่งขันในตลาดที่จะมีมากขึ้นนับจากนี้ไป

ชิงเค้กค้าส่ง 3 ล้านล้านบาท

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ภาพรวมตลาดค้าส่งในไทยมีมูลค่าประมาณ 3 ล้านล้านบาท เป็นตลาดที่มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง และการที่บริษัทเข้ามาขยายธุรกิจค้าส่งในครั้งนี้ เป็นการเข้ามาร่วมต่อจิ๊กซอร์ธุรกิจค้าปลีกให้ครอบคลุม จากที่ผ่านมา บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกมาร่วม 74 ปีแต่จะเน้นในกลุ่มค้าปลีกเป็นหลัก มีกลุ่มค้าส่งที่เป็น ฮาร์ดไลน์จากแบรนด์ไทวัสดุ ส่วนกลุ่มฟู้ดจะมี ท็อปส์ ที่เน้นค้าปลีก

ขณะเดียวกันธุรกิจใหม่ ‘GO Wholesale’ ยังเป็นการร่วมสร้าง New Growth Engine มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครบวงจร พร้อมสร้างให้เป็น แพลตฟอร์มออฟ ทรัสต์ ให้แก่ทุกส่วน และสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน (Inclusive Growth) ให้กับทุก Stakeholders

“ต้องการเข้ามาร่วมสร้าง Synergy เพราะบริษัทไม่ได้เชื่อในการกินรวบ แต่ต้องการให้ธุรกิจขยายตัวแบบไม่ผูกมัด พร้อมผลักดันให้ธุรกิจขยายตัวและเติบโตไปด้วยกัน ประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า มีพาร์ทเนอร์ชีฟ”  

GO Wholesale มีกลุ่มเป้าหมายหลัก 4 กลุ่ม คือ Food Retailers, Food Services, Food Lovers และกลุ่มโฮเรก้า โดยบริษัทมีเครือข่ายของกลุ่มธุรกิจในเครือ ที่มีทั้งศูนย์การค้า 110 แห่ง ครอบคลุมใน 100 จังหวัด ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ร้านอาหารกว่า 6,750 ร้าน และ โรงแรม 93 แห่ง รวมถึงมี Loyalty Platform กับธุรกิจในเครือที่ครอบคลุมลูกค้ากว่า 28 ล้านรายทั่วประเทศ

ตั้งเป้าหมาย 5 ปี รายได้ 7 หมื่นล้าน

บริษัทมีเป้าหมายรายได้ใน 5 ปีข้างหน้าของจากธุรกิจ โฮลเซลล์ ประเมินไว้ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท โดยรายได้จากกลุ่มค้าส่ง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 17% ของรายได้รวม มาจากกลุ่ม ฮาร์ดไลน์ ประเมินว่า ภายใน 5 ปีจะมีสัดส่วนขยายเป็น 25-26% พร้อมมีแผนนำธุรกิจค้าส่งไปขยายสู่ประเทศเวียดนาม โดยการเปิดธุรกิจค้าส่ง ส่วนใหญ่จะสามารถคืนทุนในเวลา 2 ปีต่อสาขา

“เราไม่ต้องการแข่งขันกับใคร แข่งกับตัวเอง สร้าง the new choice for all เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกคน ทั้งแก่แบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ เติบโตไปด้วยกัน ลดความเหลื่อมล้ำ ลูกค้าทุกกลุ่มได้ซื้อสินค้า ราคาย่อมเยา ชุมชนก็มาร่วมเข้าอยู่ในระบบนิเวศ ผลักดันธุรกิจใหม่เกิดขึ้น ร่วมลดความเหลื่อมล้ำ ให้เอสเอ็มอีรายเล็กๆ ขยายธุรกิจ ไม่มีการผูกมัด มีความเท่าเทียม”

 

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ธุรกิจในเครือ CRC กล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจค้าส่งแบรนด์ ได้วางเป้าหมายจะเปิดสาขาใหม่ 40-50 สาขาในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ภายใต้งบลงทุนรวม 20,000 ล้านบาท

สำหรับ 'GO Wholesale’ คือศูนย์ค้าส่งสินค้าระบบสมาชิก ในราคาขายส่ง เพื่อผู้ประกอบการ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือ กลุ่มธุรกิจโฮเรก้า กลุ่มผู้ชื่นชอบการทำอาหาร กลุ่มผู้ให้บริการอาหารในโรงงาน โรงพยาบาลและหน่วยงานอื่น ๆ กลุ่มครัวเรือนในไทยที่มี 28 ล้านครัวเรือน รวมถึง ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชห่วย) ที่มีกว่า 6 แสนราย โดยเน้นจุดเด่นนำเสนอสูตรแห่งความสำเร็จให้แก่ผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการ สนับสนุนการต่อยอดธุรกิจรายย่อย การสร้างรายได้และกำไรเติบโตไปด้วยกัน

แนวทางการขยายธุรกิจ GO Wholesale จะนำเสนอสโตร์ในรูปแบบใหม่ ที่ร่วมตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า พร้อมมุ่งนำเสนอสินค้าในกลุ่มฟู้ดในสัดส่วน 40% การนำเสนอบริการต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากที่สุด รวมถึงมุ่งสร้างพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจต่างๆ ทั้งรายเล็ก รายกลางและรายใหญ่ โดยไม่ได้แข่งขันกับลูกค้า

"เป็นการผลักดันทำให้ของผู้ประกอบการทุกกลุ่มเติบโตไปด้วยกัน สร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่เราอยู่รอดได้คนเดียวแต่คนอื่นตายทั้งหมด"

นักท่องเที่ยวต่างชาติดันตลาดกลุ่มฟู้ด

ทั้งนี้บริษัทประเมินตลาดกลุ่มฟู้ดของประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท หลังจากสถานการณ์โควิด มีการเติบโต 5% ต่อปี ส่วนมูลค่าฟู้ดของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทย จะมีมูลค่ากว่า 3-4 แสนล้านบาท จึงมองโอกาสของตลาดค้าส่งในไทยยังมีศักยภาพขยายตัวได้ในระยะยาว

“เป้าหมายคือ อยากเป็นผู้นำในที่สร้างแบรนด์อยู่ในใจของลูกค้า ทำให้ลูกค้านึกถึงเราเป็นแบรนด์ที่หนึ่งเสมอ จึงมุ่งการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า มีความแตกต่างและมีความทันสมัย”

สำหรับทำเลหลักในการขยายสาขาจะมุ่งไปในหลากหลายพื้นที่ และสามารถร่วมมือกับแบรนด์ในเครือของเซ็นทรัลรีเทลขยายสาขา อย่างในปีแรกจะเปิด 4 สาขา โดยสาขาแรกคือ ศรีนครินทร์ ขนาดพื้นที่ 7,000 ตร.ม. มีสินค้ารวมกว่า 20,000 รายการ กำหนดเปิดทางการในวันที่ 27 ต.ค.นี้ โดยเป็นสาขาที่อยู่ในทำเลเดียวกับไทวัสดุ

ส่วนอีก 3 สาขา ประกอบด้วย GO Wholesale สาขาเชียงใหม่เปิดในเดือน พ.ย.นี้  GO Wholesale สาขาพัทยา เปิดในช่วงเดือน ธ.ค. และ GO Wholesale นิคมอมตนคร ชลบุรี เปิดในเดือน ธ.ค.นี้เช่นกัน หรือเฉลี่ยเปิดสาขาใหม่ เดือนละ 1 สาขา 

ด้านนายริคาร์โด้ โบอารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย  กล่าวว่า กลยุทธ์หลักเคลื่อน เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ WIDE & INSPIRING ASSORTMENT: ศูนย์ค้าส่งร่วมสร้างธุรกิจเติบโต สินค้าครบ ตอบโจทย์ทุกเชคเมนต์

CUSTOMIZED ORDERING AND SERVICES:  เน้นสร้างความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ สามารถสั่งซื้อสินค้าในรูปแบบที่กำหนดเองได้ และ CONSISTENCY, TRUSTED & RELIABLE QUALITY:  สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพและราคา ช่วยต่อยอดธุรกิจ พร้อมเป็นผู้ช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ