‘สุดาวรรณ’ ลุยปั้นรายได้ท่องเที่ยว 4 ล้านล้าน ชูเป้าไทย ‘ฮับบันเทิงเอเชีย’

‘สุดาวรรณ’ ลุยปั้นรายได้ท่องเที่ยว 4 ล้านล้าน ชูเป้าไทย ‘ฮับบันเทิงเอเชีย’

‘สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล’ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง ได้ฤกษ์เข้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวานนี้ (14 ก.ย.) พร้อมตั้งเป้าหมายเชิงท้าทาย สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ ‘4 ล้านล้านบาท’ ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!

สุดาวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เป้ารายได้รวมการท่องเที่ยว 4 ล้านล้านบาทดังกล่าว จะแบ่งเป็นรายได้การท่องเที่ยวเฉพาะ “ตลาดต่างประเทศ” 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.8% จากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดซึ่งสร้างรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้ตลาดในประเทศวางเป้าไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง และคณะรัฐมนตรี ต่างเห็นตรงกันว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นกระทรวงสร้างรายได้เข้าประเทศได้รวดเร็ว เป็นควิกวินของเศรษฐกิจไทย โดยนายกฯ เศรษฐา เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ บูรณาการความร่วมมือกับทุกกระทรวง”

เห็นได้จากนโยบายยกเว้นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) เป็นการชั่วคราวนานประมาณ 5 เดือนแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 ตามที่ ครม.เพิ่งมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ซึ่งดำเนินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มองว่าน่าจะไปถึงเป้าหมายสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านล้านบาทได้

‘สุดาวรรณ’ ลุยปั้นรายได้ท่องเที่ยว 4 ล้านล้าน ชูเป้าไทย ‘ฮับบันเทิงเอเชีย’

โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนคนต่อเดือน จากนั้นจะประเมินผลการดำเนินมาตรการและอาจพิจารณาเพิ่มประเทศเป้าหมายในการออกมาตรการ “วีซ่า-ฟรี”

สำหรับเหตุผลที่นำร่องมาตรการวีซ่า-ฟรีเป็นการชั่วคราวกับ “จีน” ก่อน เนื่องจากในยุคก่อนโควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2562 ตลาดจีนถือเป็นฐาน “ลูกค้าหลัก” เดินทางเข้าประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวนกว่า 11 ล้านคน แต่พอเข้าสู่ยุคหลังโควิด-19 พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 เดินทางเข้ามาน้อยกว่าที่คาดไว้ จากข้อจำกัดเรื่องกระบวนการขอวีซ่า และกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่มีการเผยแพร่ “ข่าวลือเชิงลบ” ของประเทศไทย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งกระตุ้นและทำตลาด “สร้างความเชื่อมั่น” ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน

ส่วนเป้าหมาย “รายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2567” ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ที่ “3 ล้านล้านบาท” ฟื้นตัว 100% เทียบกับรายได้รวมปี 2562 จากเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 40 ล้านคน ปรับเพิ่มจากเป้าเดิมที่ ททท. ตั้งไว้ว่าจะดึงเข้ามาไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน

‘สุดาวรรณ’ ลุยปั้นรายได้ท่องเที่ยว 4 ล้านล้าน ชูเป้าไทย ‘ฮับบันเทิงเอเชีย’

และจาก “เป้าหมายใหญ่” ของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยเป็น “ฮับบันเทิงแห่งเอเชีย” (Entertainment Hub of Asia) แนวทางส่งเสริมการจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและกีฬาในประเทศไทย จะต้องเป็นงานที่ “แปลก ใหญ่ ต่อเนื่อง สร้างสรรค์ และใช้พลังของซอฟต์เพาเวอร์” เพื่อแข่งขันกับ “สิงคโปร์” ในการชิงเจ้าฮับบันเทิงของเอเชีย ซึ่งต้องบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มความสะดวกด้านการเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน

ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของปี 2562 โดยจากแนวโน้มตลอดปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 28 ล้านคน

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่าเสริมว่า การฟื้นฟูตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ถือเป็นปัจจัยท้าทายของ ททท.อยู่เสมอ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีนัยยะสำคัญต่อการ “พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” ทั้งในแง่ของรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว โดยสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-10 ก.ย. 2566 มีจำนวนสะสม 2,284,281 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย

‘สุดาวรรณ’ ลุยปั้นรายได้ท่องเที่ยว 4 ล้านล้าน ชูเป้าไทย ‘ฮับบันเทิงเอเชีย’

ทั้งนี้ถ้าไม่มีมาตรการวีซ่า-ฟรี จะมีแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในปี 2566 จำนวน 3,470,430 คน ซึ่งคิดเป็นการฟื้นตัว 31% สร้างรายได้ 174,358 ล้านบาท แต่เมื่อมีมาตรการวีซ่า-ฟรีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญช่วยกระตุ้นตลาด จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวน 4.04-4.4 ล้านคน และมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 257,500 ล้านบาท

จากข้อมูลล่าสุด “ตารางบินฤดูหนาว” (1 ต.ค. 2566 – 31 มี.ค. 2567) ของเส้นทางบินระหว่างไทย-จีน มีปริมาณที่นั่ง 2,519,972 ที่นั่ง คิดเป็น 37.94%

“ทั้งนี้ นายกฯ เศรษฐา มีกำหนดเดินทางไปเยือนประเทศจีนช่วงต้นเดือน ต.ค. โดยกำลังประสานขอเข้าพบ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน หากนายกฯ ได้เข้าพบ น่าจะมีการหารือเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวในภาพใหญ่ร่วมกัน”

ส่วนวันที่ 18 ก.ย.นี้ ททท.จะมีการประชุมกับสำนักงานที่ดูแลตลาดจีนและคาซัคสถาน เพื่ออัปเดตเกี่ยวกับบรรยากาศธุรกิจเพิ่มเติมหลัง ครม.มีมติออกมาตรการวีซ่า-ฟรี หลังจากสำนักงาน ททท.ในจีนทั้ง 5 แห่งรายงานว่าผู้ประกอบการเอเย่นต์ทัวร์ให้การตอบรับดีมาก ทำให้ตอนนี้ “ตั๋วเครื่องบินเริ่มแพง!” ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเข้าสู่ช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาว “วันชาติจีน” (1 ต.ค.) เป็นไปได้ว่าต้องเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) โดยเฉพาะสู่ “เมืองรอง” ของจีน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ททท.ได้หารือกับ “สปริงแอร์ไลน์” ซึ่งระบุว่าจะดูเรื่องสลอตเที่ยวบินอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ททท.ยังเตรียมทำโปรโมชันร่วมกับสายการบินและบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent: OTA) เพื่อดึงชาวจีนเข้ามาเที่ยวไทยด้วย