'ดูโฮม' รอจังหวะขยายสาขา แตกไลน์เฮ้าส์แบรนด์ชิงแชร์

'ดูโฮม' รอจังหวะขยายสาขา แตกไลน์เฮ้าส์แบรนด์ชิงแชร์

ตลาดวัสดุก่อสร้างไทยแข่งขันรุนแรง แบรนด์ใหญ่เร่งกำลังซื้อ 'ดูโฮม' รุกขยายสาขาใหญ่ครึ่งปีหลัง 3 สาขา เปิดไซส์เล็ก 4 สาขา เน้นเพิ่มสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพิ่มกำไรในระยะยาว หวังเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม

หากประเมินมูลค่าตลาด วัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง จนถึงซ่อมแซมบ้าน จากผู้ประกอบการห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด และผู้ประกอบการแบบดั้งเดิมมีมูลค่าตลาดรวม 1.07 ล้านล้านบาท ขยายตัว 1.8% ชะลอตัวลงจากปีก่อน จากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เป็นไปตามราคาเหล็กที่ลดลง มูลค่าการลงทุนในตลาดก่อสร้างขยายตัวต่ำ

ภาพรวมตลาดยังแข่งขันอย่างเข้มข้น เพื่อร่วมเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้ง กำลังซื้อฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ยังได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ่ต่อเนื่องจากปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ดีมานด์ก่อสร้างในตลาดยังไม่คึกคักนัก รวมถึงการแข่งขันเปิดสาขาใหม่ของผู้ประกอบการรายใหม่มีต่อเนื่อง

สำหรับแบรนด์ใหญ่ในตลาดในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน มีทั้งโฮมโปร ไทวัสดุ โกลบอลเฮ้าส์ เมกาโฮม และดูโฮม ที่มีเส้นทางธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งและซ่อมบ้าน ที่ก่อกำเนิดจาก จังหวัดอุบลราชธานี จากร้านวัสดุก่อสร้างในจังหวัด สร้างการเติบโตธุรกิจนำไปสู่การสร้างร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้าง ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ ในปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศรวม 21 สาขา ในไซส์ขนาดใหญ่ ขนาดพื้นที่แต่ละสาขาจะมากกว่า 25,000 ตร.ม.

สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร​ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนขยายธุรกิจของ ดูโฮม ในครึ่งปีหลัง 2566 จะเปิดสาขาใหม่รวม 3 สาขา ได้แก่ เชียงราย พระนครศรีอยุธยา และบางพูน ปทุมธานี  เน้นทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์

อีกโมเดลที่มีการขยายสาขากับ “ดูโฮม ทูโก” (Dohome ToGo) เป็นสาขาขนาดเล็กลง พื้นที่ราว 2,000 ตร.ม.  เสมือนร้านสะดวกซื้อของสินค้าวัสดุก่อสร้าง วางแผนเปิดเพิ่ม 4 สาขา ลงทุนกว่า 10 ล้านบาท  เน้นทำเลชุมชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  ปัจจุบัน ดูโฮม ทูโก เปิดให้บริการแล้ว 8 สาขา 

“การเปิดสาขาขนาดเล็กเป็นอีกโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ ลูกค้าตอบรับดี สร้างยอดขายต่อเดือน 2-3 ล้านบาทต่อสาขา สร้างผลกำไรดีในทุกสาขา”

ปีที่ผ่านมา บริษัทปรับกลยุทธ์​ด้วยการการปรับปรุงสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น หลังปรับโฉมใหม่ ยอดขายเติบโตสูง

อีกแนวทางเร่งโต มุ่งขยายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ปัจจุบันมีสัดส่วน 20%  มีการออกสินค้าใหม่ทุกเดือน เน้นสินค้าที่สร้างผลกำไรที่ดี เพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่การรุกทำตลาดออนไลน์ผ่านอีคอมเมิร์ซ และเว็บไซต์ มีสินค้ารวม 30,000-40,000 เอสเคยู เพื่อเพิ่มสร้างความสะดวกให้แก่ลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมายอดขายผ่าน อีคอมเมิร์ซ สร้างการเติบโตกว่า 100%

ส่วนลูกค้าเป้าหมายหลักยังเน้นเจาะตลาดกลุ่มรายย่อย กลุ่มลูกค้าที่ต้องการตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน กลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างตั้งแต่รายเล็ก รายกลางและรายใหญ่ และผู้ประกอบการในตลาดอสังหาริมทรัพย์

ท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้านในประเทศ ทำให้บริษัทได้มีการติดตามยอดขายในแต่ละสาขาอย่างใกล้ชิด หากสาขาใดสร้างยอดขายไม่ดีนัก พร้อมปิดสาขาดังกล่าวทันที 

สำหรับแผนในปีต่อไป บริษัทได้มีการชะลอขยายสาขาใหม่ออกไปก่อน และหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้น จะเร่งแผนขยายสาขาใหม่ในอนาคต โดยบริษัทมีทำเลที่ดินอยู่ในมือพร้อมขยายสาขาอยู่แล้ว