เอกชนหวัง ‘รัฐบาลใหม่’ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ลุยเงินดิจิทัล ปลุกช้อปดีมีคืน

• "เสี่ยบุณยสิทธิ์” หวังเงินดิจิทัล 10,000 บาท ฟื้นเศรษฐกิจไทย

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ในฐานะนักธุรกิจที่เห็นผู้นำบริหารประเทศตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จนถึงนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และรัฐบาลใหม่นี้ถือเป็นความหวัง รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีถือเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งพื้นฐานเป็นนักธุรกิจหรือมีหัวคิดทางการค้า

ส่วนการดำเนินนโยบายต่างๆ หากทำได้ย่อมเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้ทันที เนื่องจากจะทำให้ประชาชนทุกคนมีเงินจับจ่ายใช้สอย

• "ท่องเที่ยว" จี้รัฐคุมต้นทุน เร่งออกมาตรการกระตุ้นตลาด

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ความคาดหวังของภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่มีต่อรัฐบาลใหม่ อยากให้เร่งช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนประกอบการ เช่น ออกมาตรการลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับเครื่องบินไอพ่นเส้นทางบินในประเทศ ที่รัฐบาลกลับมาจัดเก็บอัตรา 4.726 บาทต่อลิตร จากเดิมก่อนหน้านี้เคยช่วยลดให้อยู่ในอัตรา 0.20 บาทต่อลิตร เนื่องจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันฯ คิดเป็น 20% ของต้นทุนน้ำมันที่สายการบินต้องจ่าย ถ้าได้อัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันฯ ที่ดีกว่านี้ ก็จะช่วยได้มาก

นอกจากนี้ ยังคาดหวังให้รัฐบาลเร่งผลักดันภาคท่องเที่ยว ส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจับจ่ายมากขึ้น เพราะสามารถสร้างประโยชน์แก่หลายส่วน โดยหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือกับซีอีโอ 8 สายการบินในไทยเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลระบุว่ามีแผนจะออกมาตรการยกเว้นวีซ่า (Visa-Free) ชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจากบางประเทศ เช่น จีน ในช่วงไฮซีซัน ให้สามารถเดินทางเข้าไทยได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่า คาดเริ่มวันที่ 1 ต.ค. 2566 หากรัฐบาลทำได้ จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

“ส่วนตัวมองว่าการออกมาตรการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีนในช่วงไฮซีซันนี้เป็นเรื่องดี ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้ไม่แป้ก แต่ก็ไม่ปัง ถึงขั้นทะลักเข้าไทย เนื่องจากตลาดจีนมีปัจจัยอื่นๆ อีกมาก เช่น รัฐบาลจีนยังเข้มงวดคนจีนออกเที่ยวนอกประเทศทั้งทางตรงทางอ้อม อย่างเรื่องการออกพาสปอร์ตเล่มใหม่แก่ชาวจีนจำนวนน้อยต่อวัน”

รวมถึงปัจจัยปริมาณที่นั่งโดยสาร (Seat Capacity) เส้นทางบินระหว่างไทย-จีน ปัจจุบันฟื้นตัวกลับมาแค่ 30% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11 ล้านคน มากเป็นอันดับ 1 ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ขณะที่ปัจจุบันจากสถิติช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยสะสมแค่ 2.2 ล้านคนเท่านั้น

“อย่างไรก็ตาม มาตรการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวตลาดเป้าหมาย เช่น จีน รวมถึงอินเดีย ซึ่งทาง 8 สายการบินได้เสนอนายกฯ ให้ยกเว้นวีซ่าแก่อินเดียด้วยเช่นกัน จะช่วยทำให้นักท่องเที่ยวตลาดเป้าหมายทยอยเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง เป็นมาตรการที่อิมแพ็คกว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ที่แม้จะฟรีค่าวีซ่า แต่นักท่องเที่ยวยังต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าอยู่ดี สะดวกน้อยกว่าการยกเว้นวีซ่า”

นายพุฒิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโจทย์ท้าทายการดำเนินนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะการคลัง ที่ต้องใช้งบประมาณสูงนั้น มองว่าทุกรัฐบาลต้องใช้เงิน เพราะว่าเศรษฐกิจในยุคนี้ไม่ใช่ของง่าย ที่จะสามารถผลักดันให้ไปข้างหน้าได้ง่าย ก็เข้าใจได้ว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ

• อสังหาฯ หวังรัฐบาลใหม่ เพิ่มกำลังซื้อคนซื้อที่อยู่อาศัย

 นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่น่าจะให้ความสำคัญในการแก้ไขก่อน คือ 1. การท่องเที่ยว ซึ่งทำได้ง่าย เร็ว และเห็นผลทันที 2. ภาคการส่งออก และ 3. ภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นเครื่องจักรใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยการผ่อนผันมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือมาตรการ LTV และปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อสูง ซึ่งคาดว่า น่าจะเริ่มเห็นมาตรการต่างๆตั้งแต่เดือน ต.ค. หรือ พ.ย.นี้เป็นต้นไป

• หนุนกระตุ้นท่องเที่ยว ส่งออก

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) มองว่าจากการที่นายกฯ เศรษฐา เคยทำธุรกิจอสังหาฯมาก่อน ย่อมเข้าใจเศรษฐกิจในภาพรวมและธุรกิจเป็นอย่างดี ในการผลักดันนโยบายต่างๆออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าการการโฟกัสนั้นจะเริ่มต้นที่ธุรกิจอสังหาฯ หรือธุรกิจอื่นตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งออกก็ตามแล้วส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯด้วยเช่นกัน

• หวังนโยบายกระตุ้นจีดีพีโต

นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว ธุรกิจอสังหาฯเติบโตตามจีดีพี ถ้าจีดีพีประเทศดีอสังหาฯโตตาม ซึ่งนโยบายของรัฐบาลที่รับรู้มาเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง หนี้ครัวเรือนที่ต้องแก้ปัญหา โดยเฉพาะภาคการเกษตรใหญ่สุด รองลงมาเป็นท่องเที่ยวและส่งออก ถ้าเศรษฐกิจมวลรวมดี จีดีพีโต ทุกคนมีรายได้กำลังซื้อกลับมาอยู่แล้ว แม้จะมีการปรัะบค่าแรงขึ้นแต่จะทำให้คนมีกำลังซื้อมากขึ้นด้วย ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงที่อยู่อาศัยได้รับอานิสงส์ตามมาด้วย ทำให้รัฐสามารถเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น

• เร่งนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยว-ช้อปดีมีคืน

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนาผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า นโยบายที่ประเทศได้นายกรัฐมนตรีและให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนประเทศ โดยในกลุ่มภาคค้าปลีกอยากเห็นในเรื่องการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และสนับสนุนที่ภาครัฐบาลจะเร่งผลักดันภาคการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนสูงในทุกปี

ทั้งนี้อยากให้เร่งวางนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ทั้งการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้ามาในประเทศ การวางนโยบายฟรีวีซ่า การเร่งดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาในไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงการผลักดันนโยบายช้อปดีมีคืน ซึ่งนับเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา โดยหากมีการประกาศใช้ในช่วงปลายปีนี้ จะส่งผลให้ทำให้ประชาชนไว้วางแผนก่อนใช้จ่ายก่อนการจ่ายภาษีประจำปีในปีถัดไป และยิ่งเป็นผลดีต่อการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ

• หนุนเพิ่มสิทธิประโยชน์ลงทุน-ลงทุนเครื่องจักร

นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่างประธาน บริษัทโตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า นโยบายที่อยากให้ภาครัฐบาลเข้ามาเร่งผลักดันในประเทศในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า จะเป็นเรื่องส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) อยากให้มีการผลักดันและเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทางภาษี ในเรื่องเครื่องจักร เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ส่วนนโยบายเดิมที่เป็นผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้วก็อยากให้คงนโยบายดังกล่าวไว้ต่อไป

สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงในระยะยาวสู่ 600 บาทต่อวันนั้น ในภาคเอกชนเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถเตรียมแผนรับมือได้ในอนาคต แต่ในมุมมองของภาคธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี อยากให้มีการเข้าไปดูแลและสนับสนุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้สามารถรับมือกับค่าแรงที่จะสูงขึ้นในระยะยาว

• เอสเอ็มอี วอนรัฐบาลใหม่ดูแลค่าครองชีพ

นายสุรชัย พิมพ์ประไพภรณ์ กรรมการบริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็ม แอนด์อาร์ ดิสทริบิวเตอร์ กล่าวว่า อยากเห็นรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโต ขณะเดียวกันต้องดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วย เพราะผู้ประกอบการธุรกิจ เอสเอ็มอีค้าขายได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนมีรายได้ เพื่อจับจ่ายใช้สอย

“เมื่อมีรัฐบาลใหม่บริหารประเทศ เชื่อว่าภาคธุรกิจมีความตื่นเต้น เพราะทุกอย่างจะถูกขับเคลื่อนได้ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณ ผันเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบาย สวัสดิการต่างๆ เป็นนิมิตรหมายที่ดี หากทุกอย่างทำได้ ธุรกิจจะเริ่มดีขึ้น ส่วนจะดีมากน้อยแค่ไหน ต้องใช้เวลา”