'TIHTA' จับมือ 'NEO' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023

'TIHTA' จับมือ 'NEO' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023

"TIHTA" จับมือ "NEO" เดินหน้าต่อยอดอุตสาหกรรม "กัญชงไทย" สู่ศูนย์กลางของเอเชีย เตรียมพร้อมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 สร้างจุดเชื่อมโยงไทยสู่ตลาดโลก

5 กันยายน 2566 สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย หรือ TIHTA เดินหน้าสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรม กัญชงไทย ตอบโจทย์ 14 อุตสาหกรรมศักยภาพ พร้อมจับมือกับ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือ NEO ต่อยอดอุตสาหกรรมกัญชงเพื่อเป็นศูนย์กลางของเอเชีย ผ่านการจัดงาน "Asia International Hemp Expo and Forum 2023" มุ่งสู่เป้าหมาย Growing Industries Together สร้างจุดเชื่อมโยงตลาดกัญชงไทยสู่ตลาดโลก โดยงานจะขึ้นระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมกัญชงไทยในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่มีการปลดล็อกพืชกัญชง ทางสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ได้สร้างเครือข่ายของอุตสาหกรรมกัญชงและการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันพร้อมพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงไทยให้มีความแข็งแรงตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ผู้ประกอบการด้านแปรรูป และผู้ผลิต รวมไปถึงการสร้างแนวทางให้กัญชงไทยตอบโจทย์ตลาดอุตสาหกรรมกัญชงโลกให้ได้มากที่สุด 

\'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023

"อุตสาหกรรมกัญชงไทยถือว่ามีความแข็งแรงและมีการขับเคลื่อน รวมถึงการวางมาตรฐานของอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ปี 2564 ครอบคลุม 6 มาตรฐานเพื่ออุตสาหกรรมกัญชง คือ 1. น้ำมันเมล็ดกัญชง 2. สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวมไม่น้อยกว่า 30% 3. สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวมไม่น้อยกว่า 80% 4. เปลือกกัญชง 5. แกนกัญชง 6. เส้นใยกัญชง ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นมาตรฐานของการนำวัตถุดิบจากกัญชงมาใช้ในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม จนปัจจุบันมีการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับพืชกัญชงมากถึง 14 ประเภทอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม อาหารเสริม เครื่องสำอาง เวชสำอาง ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง เป็นต้น"

นายพรชัย กล่าวต่อไปว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพืชกัญชงของไทยในช่วงปีที่ผ่านมา มีการเติบโตตามกรอบของระเบียบและกฎหมายการรับรอง ทั้งในแง่ห่วงโซ่อุตสาหกรรม ได้แก่ การปลูก การสกัด และผลิตภัณฑ์ โดยข้อมูลจากแอปพลิเคชัน ปลูกกัญชง มีการลงทะเบียนการปลูกกว่า 1.1 ล้านคน และข้อมูลจากองค์การอาหารและยา กรมการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือกมีพื้นที่การปลูก 11,348,882 ตร.ม. สำหรับใบอนุญาตผู้สกัดสารสำคัญจำนวนทั้งสิ้น 89 แห่ง แบ่งออกเป็นใบอนุญาตสกัดกัญชา 41 แห่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐทั้งหมด และใบอนุญาตสกัดกัญชง 48 แห่ง โดยมีเอกชน 39 ราย หน่วยงานรัฐ 9 ราย สำหรับผลิตภัณฑ์ด้านปลายน้ำ อ้างอิงจากระบบสืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มี กัญชง และ กัญชา เป็นส่วนประกอบ ของคณะกรรมการอาหารและยา มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับคณะกรรมการอาหารและยากว่า 1,000 รายการ ซึ่งแบ่งออกเป็นเครื่องสำอาง 77% อาหารและอาหารเสริม 19% ผลิตภัณฑ์สมุนไพร 4% นอกจากนี้ ด้านมูลค่าตลาดข้อมูลจาก Euromonitor มูลค่าทางการตลาดกัญชงและกัญชาของไทยในปี 2565 มีมูลค่า 8,482 ล้านบาท และคาดการณ์เติบโตในปี 2570 จะมีมูลค่า 73,447 ล้านบาท 

\'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023

"ทางสมาคมฯ ทำงานร่วมกับภาครัฐมาโดยตลอด มองว่า อุตสาหกรรมกัญชง เป็นโอกาสของประเทศไทย โดยให้ผู้ประกอบการเน้นหนักไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะหากทุกคนมุ่งไปสู่การปลูกเป็นส่วนใหญ่ สุดท้ายก็จะเกิดการแย่งกันขายและตัดราคากันในที่สุด ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มได้เลย ยกตัวอย่างการนำสารสกัดจาก กัญชง ไปเป็นส่วนผสมในยาหม่องสมุนไพรที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย มูลค่าตลาดระดับพันล้านบาท นี่คือส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กัญชงได้ มากกว่าการมุ่งเน้นเพียงแค่การปลูก ฉะนั้นผู้ประกอบการควรศึกษา พัฒนาองค์ความรู้ และนำกัญชงไปต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่ม จะเป็นสิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้อุตสาหกรรมกัญชงยังตอบโจทย์ในด้านความยั่งยืนของ Sustainable Development Goal (SDGs) ซึ่งเป็นเป้าหมายความยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations/ UN) ทั้งในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ด้านพลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ ด้านสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และด้านการเสริมความเข้มแข็งของความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" 

สำหรับ Asia International Hemp Expo and Forum 2023 จัดขึ้นภายใต้แนวคิดการต่อยอดสู่เป้าหมาย "Growing Industries Together" มีการเชื่อมโยงและทำความร่วมมือกันอย่างชัดเจนทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมเชื่อมโยงและปรับบริบททางธุรกิจให้ตรงกับสภาวะปัจจุบัน ตรงกับผู้บริโภคและความต้องการในตลาดนี้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ทั่วโลก โดยมีปัจจัยหลักคือ การผลักดันให้เกิดกระบวนการธุรกิจในเชิงสิ่งแวดล้อม หรือการสร้าง Sustainability ในธุรกิจ โดยพืชตระกูลกัญชงนับเป็นทางเลือกที่มีความโดดเด่นในด้านการนำมาพัฒนาได้ทุกส่วน ตลอดจนสารสกัดที่สามารถนำนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้ในเชิงการแพทย์ Wellness และต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อย่างครบวงจร อีกทั้งยังเป็นโอกาสของเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตเส้นใยที่มีคุณภาพที่ดีเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยประเทศที่ใช้เส้นใยกัญชงในการผลิตสินค้า ฉนวนกันความร้อน ผนังกันเสียง รวมถึงวัสดุก่อสร้างต่างๆ และส่วนประกอบยานยนต์ ไปจนถึงพลังงานสะอาดจากกัญชง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่และพลังงานชีวมวล (Biomass) ซึ่งเกษตรกรต้นน้ำและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมกัญชงของไทย ทั้งที่เป็นสมาชิกสมาคมและรายอื่นๆ ได้มีเวทีในการโชว์ศักยภาพและเปิดโอกาสให้เห็นคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก Fortune Business Insights มูลค่าของตลาดเส้นใยกัญชงในปี 2565 อยู่ที่ 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 31,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันยุโรปครองส่วนแบ่งตลาดเส้นใยกัญชงมากที่สุด รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา โดยประเทศที่มีพื้นที่การเพาะปลูกเส้นใยกัญชงมากที่สุดคือ จีน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา 

\'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือ NEO กล่าวว่า สำหรับงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 ถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์กัญชงนานาชาติ งานแรกของเอเชียที่เป็นจุดเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจของนักอุตสาหกรรมในวงการจากทั่วโลก สำหรับปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าชมงานจากกว่า 80 ชาติ สร้างมูลค่าการซื้อขายจากการจัดงานกว่า 5,500 ล้านบาท จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานตั้งแต่ต้นน้ำการปลูก กลุ่มวัตถุดิบ การแปรรูป ไปถึงปลายน้ำที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย ภายใต้มาตรฐานการคัดกรองสินค้าที่มุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์โดยเฉพาะ และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มูลค่าเงินหมุนเวียนในงานไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท

"งาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 จะนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันใน 14 อุตสาหกรรมหลัก โดยยึดหลักตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อเกื้อกูลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการเจรจาเพื่อเชื่อมต่อโอกาสทางธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย และนักลงทุนจากนานาชาติ ในฐานะศูนย์กลางของอุตสาหกรรมกัญชงของภูมิภาค นอกจากนี้ ภายในงานจะมี Showcase ทุกประเภทอุตสาหกรรม รวมถึงการนำมาใช้ในเชิงวัฒนธรรม งานหัตถศิลป์ที่สร้างเป็นผลงานต่อยอด ยกระดับของเหลือใช้จากภาคอุตสาหกรรม สู่การสร้างชิ้นงานศิลป์ในโซน Hemp for Living โดยศิลปินของไทยที่ชื่อเสียงระดับโลก ทำให้กัญชงไทยสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงผลักดันที่จะก่อให้เกิดการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจได้อีกส่วนหนึ่ง"

นายสุรพล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นการจัดงานในปีนี้ได้มีการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในการเสวนาเชิงวิชาการส่วนของ International Hemp Forum โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญกว่า 12 ประเทศในแต่ละประเภทอุตสาหกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับพืชเศรษฐกิจนี้มาร่วมให้ข้อมูลและประสบการณ์แบบจัดเต็มครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจกัญชง ที่สำคัญในงานครั้งนี้ เรามีการจัดสรรพื้นที่พิเศษสำหรับผู้ร่วมแสดงสินค้า นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ รวมถึงนักลงทุนที่เข้าชมงาน ได้มาพบปะเจรจาธุรกิจกันในช่วงเย็นของทุกวันกับบรรยากาศ business leisure ในโซน At 6 Networking Zone ภายในงาน "Asia International Hemp Expo and Forum 2023" ทั้งนี้กำหนดจัดงาน วันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

\'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 \'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 \'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023 \'TIHTA\' จับมือ \'NEO\' เตรียมจัดงาน Asia International Hemp Expo and Forum 2023