‘เอกพงศ์ คงเจริญ’ เจ้าของลิขสิทธิ์พื้นรองเท้า Vibram หนึ่งเดียวในอาเซียน

‘เอกพงศ์ คงเจริญ’ เจ้าของลิขสิทธิ์พื้นรองเท้า Vibram หนึ่งเดียวในอาเซียน

“Vibram” แบรนด์พื้นรองเท้าคุณภาพสูง ชื่อเสียงโด่งดังจากอิตาลี ที่ไม่ใช่ใครก็ถือลิขสิทธิ์ได้ แต่ “เอกพงศ์ คงเจริญ” เป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับลิขสิทธิ์นี้ ไปอบรมไกลถึงโรงงาน จนกลับมาเปิดแล็บพื้นรองเท้าของตัวเองในฐานะตัวแทนแบรนด์

Key Points:

  • “Vibram” คือแบรนด์ยางพื้นรองเท้าจากอิตาลี ที่อยู่คู่กิจกรรมเอ็กซ์ตรีมมาเป็นเวลานาน เพราะได้รับการยอมรับด้านคุณภาพจากผู้ใช้งานทั่วโลก
  • โดยปกติแล้วผู้ที่ได้รับลิขสิทธิ์เปิดร้านเปลี่ยนพื้นรองเท้าที่ใช้ยางของ Vibram จะต้องเป็นช่างฝีมือเท่านั้น และส่วนมากจะอยู่แค่ในแถบยุโรป
  • “เอกพงศ์ คงเจริญ” คือคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก Vibram ให้สามารถทำกิจการรับเปลี่ยนพื้นรองเท้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเจ้าตัวมีโอกาสไปฝึกอบรมถึงอิตาลี

ชื่อของ “Vibram” เป็นที่รู้จักกันดีของคนในวงการเอ็กซ์ตรีม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม วิ่ง ปั่นจักรยาน ปีนเขา เดินป่า ฯลฯ ในฐานะ “พื้นรองเท้ายาง” คุณภาพสูง ที่มีการคิดค้นมาตั้งแต่ปี 1937 โดย วิตาเล บรามานี (Vitale Bramani) ที่เรียกได้ว่าเป็นการพลิกวงการรองเท้าเดินป่าเลยทีเดียว เพราะเปลี่ยนจากพื้นรองเท้าที่เป็นตะปูและมีน้ำหนักมาก มาเป็นพื้นยางที่ยึดเกาะพื้นผิวต่างๆ ได้ดีเยี่ยม แถมยังป้องกันเท้าจากความหนาวเย็นได้ยาวนานอีกด้วย
 

ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว ทำให้ไม่นาน Vibram ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนในปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์พื้นรองเท้าลำดับต้นๆ ของโลกที่บรรดานักออกแบบรองเท้าต่างนึกถึง แม้แต่แบรนด์รองเท้าดังๆ หลายแบรนด์ก็ยังเลือกพื้นรองเท้าจาก Vibram ไปเป็นส่วนประกอบของรองเท้าหลายรุ่น

แน่นอนว่าด้วยความมีชื่อเสียงและเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบสะสมรองเท้าไปจนถึงคนที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้ากีฬาให้ความสนใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใครๆ ก็สามารถถือลิขสิทธิ์ในการเปิดร้านรับเปลี่ยนพื้นรองเท้าด้วยผลิตภัณฑ์ของ “Vibram” ได้ เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานแล้ว ยังมีมาตรฐานสูงอีกด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของแบรนด์ 

แต่ไม่ใช่กับ “เอกพงศ์ คงเจริญ” คนไทยเพียงคนแรกและคนเดียวในภูมิภาคอาเซียน ที่ได้รับมอบลิขสิทธิ์จาก Vibram ให้สามารถประกอบธุรกิจเปลี่ยนพื้นรองเท้าในไทยได้ รวมถึงเจ้าตัวก็ได้ไปอบรมความจากโรงงานของแบรนด์ในอิตาลีอีกด้วย

‘เอกพงศ์ คงเจริญ’ เจ้าของลิขสิทธิ์พื้นรองเท้า Vibram หนึ่งเดียวในอาเซียน พื้นรองเท้า Vibram

  • ชอบวิ่ง ชอบรองเท้า นำไปสู่โอกาสทางธุรกิจ

จุดเริ่มต้นของ เอกพงศ์ ไม่ได้เริ่มมาจากธุรกิจหรืองานที่เกี่ยวข้องกับรองเท้ามาตั้งแต่แรก เขาเป็นเพียงแค่พนักงานบริษัททั่วๆ ไป แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น และเริ่มออกกำลังด้วยการ “วิ่ง” ตั้งแต่ในตอนนั้น จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันหลังเลิกงาน ทำให้รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเขาชื่นชอบการวิ่ง และเมื่อกลับมายังประเทศไทย เขาได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ก่อนจะเริ่มต้นทำธุรกิจหลายอย่างแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ด้วยความที่ชอบวิ่ง ทำให้เขาหันมาจับธุรกิจที่ใกล้ตัวมากขึ้น โดยเริ่มจากเปิดร้านนำเข้ารองเท้าวิ่ง caveman ใน จ.ชลบุรี

ในตอนนั้นการขายรองเท้าแบรนด์ต่างประเทศในไทยยังมีไม่มาก ทางร้านต้องติดต่อขอนำเข้ามาเท่านั้น เอกพงศ์เลือกจากแบรนด์และประเภทรองเท้าที่ตนเองชื่นชอบ ก่อนจะนำมาขาย โดยอาศัยวิธีการแบบปากต่อปากระหว่างนักวิ่งด้วยกันเอง

กระแสการวิ่งในประเทศไทยเมื่อ 5-6 ปีก่อนนั้น เป็นเทรนด์ฮิตที่กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นวิ่งมาราธอน และ วิ่งระยะสั้น แต่ยังมีอีกประเภทที่ตอนนั้นยังไม่ได้รับความนิยม ก็คือ “วิ่งเทรล” ซึ่งหลังจากที่ เอกพงศ์ ได้ไปลองวิ่งก็รู้สึกชอบ และเข้าใจว่าการวิ่งเทรลนั้นไม่สามารถใช้รองเท้าแค่คู่เดียวได้ เนื่องจากเป็นการวิ่งในป่า จึงต้องมีอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น หมวก เสื้อ หรือแม้แต่ เป้น้ำ ทำให้เขาเริ่มนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น

หลังจากนั้นก็ต้องเจอกับการระบาดของ โควิด-19 ทำให้ธุรกิจหยุดชะงักเนื่องจากบริษัทที่ส่งสินค้าให้ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้เช่นกัน ตอนนั้นจึงเริ่มมองหาช่องทางอื่นๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ และได้ติดต่อไปที่ “Vibram” ประเทศอิตาลี

  • ก้าวแรกสู่การถือลิขสิทธิ์พื้นรองเท้า “Vibram” หนึ่งเดียวในอาเซียน

เมื่อเจอผลกระทบจาก โควิด-19 ตอนนั้น เอกพงศ์ ก็เริ่มมองหาช่องทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มรายได้ ในที่สุดก็นึกถึง “รถเปลี่ยนพื้นรองเท้าเคลื่อนที่ของ Vibram” ที่เคยเห็นในคลิปวิดีโอออนไลน์ ซึ่งตัวเขาเองก็รู้จักแบรนด์นี้อยู่แล้ว และมองว่าเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน เป็นธุรกิจที่ทำแค่พื้นรองเท้าอย่างเดียวแต่อยู่รอดมาได้ทุกยุค ทำให้เขาสนใจศึกษาเรื่องพื้นรองเท้ามากขึ้น

สำหรับลักษณะรถเปลี่ยนพื้นรองเท้าของ Vibram ที่เอกพงศ์อธิบายนั้นก็คือ เป็นรถคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีเครื่องจักรอยู่บนรถ และรถจะขับไปตาม “งานวิ่ง” ต่างๆ เพื่อให้นักกีฬาสามารถนำรองเท้ามาเปลี่ยนได้ โดยสามารถเลือกพื้นรองเท้าได้ตามใจชอบ และใช้เวลาในการเปลี่ยนประมาณ 1 วัน ก็สามารถกลับมารับรองจากรถเท้ากลับบ้านได้ ส่วนตัวเลย คิดว่าน่าสนใจ เพราะพื้นรองเท้าหรือ Out sole เมื่อใช้ไปนานๆ จะสึกก่อนส่วนอื่น แต่ผ้าด้านบนหรือ Mid sole ยังมีสภาพดี แต่คนส่วนมากมองว่าเมื่อพื้นรองเท้าสึก ไม่เกาะพื้นแล้ว ก็จำเป็นต้องซื้อใหม่ ตนจึงมองว่า Vibram ตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าวได้ดี เพียงแค่ลอกพื้นเก่าและเปลี่ยนพื้นใหม่ก็ทำให้รองเท้าคู่เดิมกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจติดต่อไปที่ “Vibram” อิตาลี โดยตรง เพื่อสอบถามว่าเป็นไปได้หรือไม่หากจะทำธุรกิจเปลี่ยนพื้นรองเท้าด้วยยางของ Vibram ที่ประเทศไทย แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธกลับมา ซึ่งทางแบรนด์ให้เหตุผลว่าจะให้ลิขสิทธิ์ดังกล่าวกับช่างมืออาชีพเท่านั้น

แม้ว่าจะถูกปฏิเสธ แต่หลังจากนั้น “เอกพงศ์” ก็เริ่มศึกษาเรียนรู้ ทั้งเรื่องงานช่างและรูปแบบรองเท้าต่างๆ อย่างจริงจังมากขึ้น และได้ติดต่อไปที่ Vibram อีกครั้ง โดยยืนยันว่าต้องการไปฝึกอบรมจากแบรนด์ต้นกำเนิดเพิ่มเติม และแสดงให้แบรนด์เห็นถึงทักษะการช่างที่ได้พยายามเรียนรู้มา จนในที่สุดทางแบรนด์ก็ตอบรับ และเอกพงศ์ก็ได้เดินทางไปที่อิตาลี

  • ทำไมการเปลี่ยนพื้นรองเท้าเป็นมากกว่าธุรกิจ?

เอกพงศ์เล่าว่าการเดินไปทางที่ “Vibram” ครั้งนั้นถือว่าเป็นการเปิดโลกมาก เพราะได้เห็นกระบวนการผลิตทั้งหมดทั้งในฝั่งของโรงงาน ทีมงาน และทีมดีไซน์ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ การผสมสูตรยาง ไปจนถึงการขึ้นรูปแผ่นยางพื้นรองเท้าที่พร้อมใช้งาน

สำหรับการฝึกอบรมนั้นเขาเล่าว่า เริ่มจากการเปลี่ยนพื้นรองเท้าทุกชนิดที่มีบนโลก โดยระหว่างการฝึกจะมีอาจารย์คอยดูงานอยู่ตลอด ใช้เวลาฝึกทั้งหมดประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นอาจารย์ก็บอกว่าผลงานของเขาได้รับการตอบรับที่ดีจากทางแบรนด์ และมีโอกาสจะได้เปิดแล็บเปลี่ยนพื้นรองเท้าในไทยด้วยยางจากแบรนด์ “Vibram

หลังจากผ่านการฝึกฝนแล้วทางแบรนด์ก็แนะนำให้รู้จักซัพพลายเออร์เครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นๆ ทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่าต้องใช้เครื่องจักร กาว และโต๊ะแบบไหน จึงจะได้มาตรฐานเดียวกันกับบริษัทแม่ จากนั้นก็กลับมาลุยทำธุรกิจที่ไทย

‘เอกพงศ์ คงเจริญ’ เจ้าของลิขสิทธิ์พื้นรองเท้า Vibram หนึ่งเดียวในอาเซียน เอกพงศ์ คงเจริญ

แม้ว่าพื้นที่ในร้านที่มีอยู่จะไม่กว้างมากนักแต่ก็พยายามปรับแต่งให้สามารถนำเครื่องจักรมาลงได้ ในตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าธุรกิจเปลี่ยนพื้นรองเท้าจะมีหน้าตาออกมาอย่างไร ไปได้ไกลมากแค่ไหน แล้วจะมีสักกี่คนที่มาใช้บริการร้านของเขา? แต่ก็มั่นใจว่ายังมีกลุ่มคนที่ต้องการดูแลรองเท้าเป็นพิเศษ

หลังได้รับมอบลิขสิทธิ์มาแล้ว แต่ทางแบรนด์ก็มีเงื่อนไขมาว่า ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนพื้นรองเท้าให้ลูกค้าจริง ขอให้ลองทำกับรองเท้าที่มีอยู่ตามท้องตลาดในไทยก่อน แล้วส่งกลับไปให้ทางแบรนด์ดูผ่านทางออนไลน์ก่อนประมาณ 1 เดือน ว่าเปลี่ยนพื้นแล้วสามารถใช้ได้จริงหรือไม่

เมื่อผ่านการทดสอบจนสามารถเริ่มกิจการได้ ก็เริ่มต้นทำงานทันทีด้วยการโฆษณากับคนรู้จักในวงการนักวิ่ง โดยการแนะนำให้นักวิ่งเทรลชาวไทยที่มีปัญหาพื้นรองเท้าสึกได้เข้ามาลองเปลี่ยนดู และหลังจากนั้นก็มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่เรื่อยๆ

  • ธุรกิจเปลี่ยนพื้นรองเท้า ถือเป็น “ธุรกิจสีเขียว”

หลังจากทำธุรกิจมาในระยะเวลา 1 ปี เขาก็เริ่มวางแผนขยายการบริการให้ครอบคลุมรองเท้าทุกประเภทในอนาคต และหากกิจการไปได้ดีก็อาจจะติดต่อขอทำพื้นรองเท้าจากยาง Vibram ที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ให้กลายเป็น “Made in Thailand”

สำหรับคู่แข่งทางธุรกิจนั้นเอกพงศ์มองว่า ถ้าไม่ใช่ในฐานะผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จากแบรนด์โดยตรง ก็เรียกได้ว่ามีคู่แข่งบ้าง เช่น คนรับเปลี่ยนรองเท้าที่พบเห็นได้ทั่วไปที่ใช้แค่กาวติดธรรมดา

นอกจากเรื่องของธุรกิจแล้วเอกพงศ์มองว่า การเปลี่ยนพื้นรองเท้าคู่เก่าให้สามารถยังใช้งานได้ต่อไปนั้น ถือเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและความทรงจำของผู้คนได้ด้วย โดยในเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น การทิ้งรองเท้าหนึ่งคู่เท่ากับขยะขนาดใหญ่ 1 กล่อง แต่ถ้าเปลี่ยนแค่พื้นรองเท้าอย่างเดียวปริมาณขยะจะลดลงมาเหลือแค่กำมือเดียวเท่านั้น ทำให้มองว่าการเปลี่ยนพื้นรองเท้าก็ถือเป็นหนึ่งใน “ธุรกิจสีเขียว” และนอกจากนั้นรองเท้ายังมีผลต่อความรู้สึกของเจ้าของอีกด้วย

‘เอกพงศ์ คงเจริญ’ เจ้าของลิขสิทธิ์พื้นรองเท้า Vibram หนึ่งเดียวในอาเซียน ส่วนหนึ่งของเศษยางจากการเปลี่ยนพื้นรองเท้า

“สมมติเรามีรองเท้าคู่หนึ่งที่คุณพ่อให้มา แล้วเราใช้มันมานาน รักมาเลย แต่วันหนึ่งคุณพ่อเสียไป รองเท้าคู่นี้ยังอยู่ แต่รองเท้ามันโทรมมากแล้ว พื้นก็พังแล้ว ถ้าเราสามารถต่ออายุให้เขาได้ มันก็จะมีช่วงเวลาดีๆ บางช่วงที่อยู่ในความทรงจำของเรากลับคืนมา” เอกพงศ์เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับรองเท้าคู่โปรด

ปัจจุบันนี้ เอกพงศ์ เป็นเพียงคนเดียวที่ถือลิขสิทธิ์การเปลี่ยนพื้นรองเท้าด้วยยางจากแบรนด์ “Vibram” ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงประกอบกิจการนำเข้ารองเท้าและอุปกรณ์กีฬาที่ร้านของตัวเองควบคู่ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เขาได้ฝากข้อคิดทิ้งท้ายถึงคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่างว่า ควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดของสิ่งนั้น และต้องมีความใส่ใจให้มากพอ ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ต้องตั้งใจศึกษาให้รู้จริง ถึงจะมีอุปสรรคเข้ามาบ้างก็ให้มองว่าเป็นบททดสอบไปสู่ความสำเร็จ