เจาะกลยุทธ์ ยัสปาล สร้างอาณาจักรแฟชั่นโตแกร่ง 70 ปี มุ่งเบอร์หนึ่งอาเซียน

เจาะกลยุทธ์ ยัสปาล สร้างอาณาจักรแฟชั่นโตแกร่ง 70 ปี มุ่งเบอร์หนึ่งอาเซียน

สำรวจอาณาจักรแฟชั่นกลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้าไทยกว่า 3 แสนล้าน 'ยัสปาล' ครองเบอร์หนึ่ง เปิดแผนปี 2566 เร่งขยายสาขาใหม่ในไทย ต่างประเทศ ลุยเพิ่มแบรนด์ใหม่ ชี้ตลาดแฟชั่นและรองเท้ายังโต คาด 5 ปีมูลค่าทะลุ 4 แสนล้าน วางเป้าสู่ผู้นำผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน  

ยัสปาล อาณาจักรแฟชั่นไทยที่อยู่ในตลาดมากกว่า 70 ปีแล้ว ภายใต้การมีเรือธงหลักของธุรกิจตั้งแต่ ธุรกิจสินค้าแฟชั่น ที่มีแบรนด์ภายใต้การบริหารงานรวม 19 แบรนด์ ทั้งแบรนด์ที่พัฒนาเอง (In-House Brand) 10 แบรนด์ และแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ (Import Brand) 9 แบรนด์ ส่วนอีกกลุ่มธุรกิจเครื่องนอน ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ รวม 6 แบรนด์ แบ่งเป็น อินเฮ้าส์แบรนด์ จำนวน 3 แบรนด์ และ อิมพอร์ตแบรนด์ 3 แบรนด์ โดยกลุ่มธุรกิจเครื่องนอน เป็นธุรกิจดั้งเดิมที่บริษัทได้ก่อสร้างขึ้นมาก่อนขยายไปในธุรกิจแฟชั่น

เส้นทางกว่า 70 ปีของยัสปาล ธุรกิจครอบครัว “สิงห์สัจจเทศ” ก่อตั้งรุ่นคุณพ่อ "ยัสปาล ซิงค์" ชาวอินเดีย ที่เดินทางเข้ามาอยู่ในไทยและเริ่มต้นสร้างธุรกิจขายผ้าที่พาหุรัด ผลักดันธุรกิจขยายตัวจนไปสู่ธุรกิจเครื่องนอน พร้อมถ่ายทอดอาณาจักรขยายตัวมาสู่รุ่นสองที่เป็นทายาทโดยตรง กับ “จรัญ สิงห์สัจจเทศ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล ในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทกำลังเข้าสู่เจนสามเข้ามาร่วมบริหาร ทั้ง “วิเศษ สิงห์สัจจเทศ” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ยศเทพ สิงห์สัจจเทศ” ผนึกกำลังร่วมขับเคลื่อนอาณาจักรธุรกิจแฟชั่น และไลฟ์สไตล์ พร้อมมีแผนนำพาธุรกิจครอบครัว ทรานฟอร์มไปสู่ บริษัท มหาชน ผ่านการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแผนนี้อยู่ รวมถึงปักหมุดหมายนำธุรกิจ ยัสปาล ขึ้นสู่ผู้นำแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน

"จรัญ สิงห์สัจจเทศ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ ยัสปาล กรุ๊ป (JPC) กล่าวว่า ปัจจัยขับเคลื่อนองค์กร ยัสปาล ตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่สามารถสร้างองค์กรขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง มาจากการมุ่งนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ การมีความเข้าใจอุตสาหกรรม High Value Fashion การมีแบรนด์สินค้าและช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย

ผสมผสานด้วยการมีกลุ่มลูกค้าที่กว้าง การมีทีมออกแบบที่สร้างสรรค์ การมีแบรนด์สินค้าเป็นเอกลักษณ์ และการดำเนินธุรกิจอย่างยืดหยุ่น การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าและลูกค้า พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ

เจาะกลยุทธ์ ยัสปาล สร้างอาณาจักรแฟชั่นโตแกร่ง 70 ปี มุ่งเบอร์หนึ่งอาเซียน

“เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 70 ปี ทำให้อาณาจักรธุรกิจของยัสปาล ที่มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจจำหน่ายที่นอนได้ขยายไปสู่ การทำธุรกิจแฟชั่น และธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์ มีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่หลากหลาย ในปัจจุบันมีแบรนด์ภายใต้การบริหารรวม 25 แบรนด์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นของโลก”  

ขณะเดียวกัน ยัสปาล สามารถรักษาผู้นำในตลาดสินค้าแฟชั่นของไทย ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าของไทย จากการรายงานของ ยูโร มอนิเตอร์ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 10.5% ในปี 2565 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 8.4% โดยมีการประเมินว่าภายในปี 2570 ตลาดรวมกลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้าของไทยจะมีมูลค่าถึงระดับ 420,423 ล้านบาท คาดว่าระหว่างปี 2566-2570 จะมีการขยายตัว 6.8% ต่อปี ส่วนภาพรวมยอดขายของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าในปี 2565 ตลาดรวมมีมูลค่า 302,751 ล้านบาท มีการขยายตัว 5.8% จากปีก่อน

สำหรับ อุตสาหกรรมที่นอน เครื่องนอนและผ้าปูที่นอนในปี 2565 มีมูลค่า 5,310 ล้านบาท โดยในช่วงปี 2560-2565 ตลาดมีการขยายตัวต่อปีที่ 2.8% ส่วนในปี 2566 คาดการณ์ตลาดรวมมีมูลค่า 5,863 ล้านบาท และประเมินว่าในปี 2566-2570 จะมีการเติบโตปีละ 4.3%

จากแผนยุทธศาสตร์ที่วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน ทำให้บริษัทได้วางแผนขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและตลาดในต่างประเทศ โดยในปี 2566 มีแผนเปิดสาขาในไทย 43 สาขา และต่างประเทศ 38 สาขา วางแผนเปิดสาขาในประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ส่วนในปี 2567 มีแผนเปิดสาขาในไทยรวม 64 สาขา และ 44 สาขาในต่างประเทศ ทั้งในเวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา และขยายไปสู่ประเทศฟิลิปปินส์

แรงหนุนที่เปิดสาขาใหม่ในประเทศฟิลิปินส์ครั้งแรก พร้อมนำแบรนด์ LYN กลุ่มรองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับและน้ำหอม ไปขยายสาขาถือเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าครบทุกไลน์ของสินค้าแฟชั่น และเลือกประเทศฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย

พร้อมกันนี้วางเป้าหมายในระยะยาว 5 ปีข้างหน้า จะมุ่งเปิดสาขาใหม่ในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีสาขารวมเปิดให้บริการจำนวน 970 สาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนภาพรวมรายได้จากตลาดต่างประเทศในปี 2565 ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 675 ล้านบาท และมีสาขารวม 82 สาขา และเป็นสาขาของอินเฮ้าส์แบรนด์รวม 64 สาขา  

อีกทั้งจากแผนยุทธศาสตร์ขององค์กรที่มุ่งมั่นการสร้างโอกาส ทำให้ธุรกิจได้มีการขยายไปสู่การเปิดน่านน้ำธุรกิจใหม่ อย่างการเปิด CPS Coffee เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยในปัจจุบันบริษัทยังมองหาโอกาสเปิดธุรกิจใหม่ ถือเป็นการเสริมสร้างพอร์ตฟอลิโอธุรกิจให้เข้มแข็งขึ้น สร้าง New S-curve ให้ธุรกิจ ส่วนฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็น “พรีเมียม แมส”

เจาะกลยุทธ์ ยัสปาล สร้างอาณาจักรแฟชั่นโตแกร่ง 70 ปี มุ่งเบอร์หนึ่งอาเซียน

วิเศษ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในเครือที่มีแบรนด์ทั้งหมด 25 แบรนด์ โดยแบรนด์ส่วนใหญ่สามารถสร้างการเติบโตได้ดีและประสบความสำเร็จ ซึ่งบริษัทได้มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เพื่อผลักดันให้เติบโตและหารือร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิด

ภาพรวมแบรนด์หลักที่สามารถสร้างยอดขายเติบโตสูงจะมีทั้ง 5 แบรนด์หลักได้แก่ Jaspal CC Double O CPS CHAPS LYN และ Lyn Around โดยเป็นแบรนด์หลักที่สร้างยอดขายมากกว่า 60% ของยอดขายในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น พร้อมกันนี้ บริษัทจะมุ่งสร้างแบรนด์อินเฮ้าส์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งอินเฮ้าส์แบรนด์ ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภครวม 13 แบรนด์ พร้อมมีจุดจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศรวม 686 สาขา

เจาะกลยุทธ์ ยัสปาล สร้างอาณาจักรแฟชั่นโตแกร่ง 70 ปี มุ่งเบอร์หนึ่งอาเซียน

ยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของ ยัสปาล สามารถถ่ายทอดธุรกิจจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นสอง และมาจนถึงรุ่นสาม ที่มีเป้าหมายขยายธุรกิจเติบโตสู่ตลาดต่างประเทศ ล่าสุดได้มีรุ่นที่สี่เข้ามาร่วมบริหารงานแล้ว ทั้งหมดสามารถประสานไปได้อย่างดี อีกทั้งองค์กรได้วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง การมุ่งให้ความรับผิดชอบดูแลลูกค้า และคู่ค้าอย่างใกล้ชิด 

ในปัจจุบันมีสาขาและจุดจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้าชั้นนำในอาเซียน ทั้งใน เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย โดยจุดจำหน่ายในศูนย์การค้าต่างอยู่ในจุดที่เป็นทำเลยุทธศาสตร์ในทุกพื้นที่ รวมถึงมีช่องจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ ที่กำลังขยายตัวได้ดีเช่นกัน 

สำหรับการขยายตลาดไปประเทศฟิลิปปินส์ ก็เป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพและมีการขยายตัวสูงเช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม หากไปสำรวจข้อมูลของบริษัทกับภาพรวมผลประกอบการ ในปี 2565 มีรวมรายได้อยู่ที่ 11,845 ล้านบาท และสร้างกำไรสุทธิ 914.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 9,153 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 221.47 ล้านบาท ส่วนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวมที่ 2,932 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 242.99 ล้านบาท ทั้งรายได้และกำไรปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

สำหรับแผนระดมทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ในปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนรวม 300 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท พร้อมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท แต่ไทม์ไลน์ในการ ไอพีโอ สู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ยังไม่ได้ประกาศช่วงเวลาที่ชัดเจน

พอร์ตโฟลิโอสินค้ากลุ่มธุรกิจแฟชั่น มีรวม 19 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 10 แบรนด์ เช่น JASPAL (ยัสปาล), CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิ้ลโอ), CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์), LYN (ลิน), lyn around (ลิน อะราวนด์) เป็นต้น ส่วน Import Brand เช่น FRED PERRY (เฟร็ด เพอร์รี่), DIESEL (ดีเซล), Superdry (ซุปเปอร์ดราย) เป็นต้น สินค้ามีมากกว่า 113,000 เอสเคยู ครอบคลุมสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางและแว่นตา เป็นต้น

กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน ภายใต้ In-house Brand และ Import Brand รวม 6 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 21,500 SKUs ภายใต้แบรนด์ SANTAS, SANTAS HOME, STEVENS, Sealy, TEMPUR และ ETHAN ALLEN เป็นต้น