ลงทุนครั้งใหญ่ในไทย บริษัทแม่ 'โตชิบา' สร้างโรงงานแอร์มูลค่า 5,000 ล้าน

ลงทุนครั้งใหญ่ในไทย บริษัทแม่ 'โตชิบา' สร้างโรงงานแอร์มูลค่า 5,000 ล้าน

บริษัทแม่ 'โตชิบา' ยักษ์ใหญ่ รุกลงทุนไทย 5,000 ล้าน เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่ชลบุรี ผลิตเครื่องปรับอากาศใหญ่สุดในภูมิภาค เริ่มผลิตปี 2566 'โตชิบา' ชี้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยมีโอกาส ครึ่งปีหลังส่งเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่สู่ตลาด 39 รุ่น ตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2566 เติบโต 15%

โตชิบา ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เข้ามาลงทุนในไทยเป็นเวลาร่วม 54 ปีแล้ว โดยมีการจัดตั้งบริษัทในไทยภายใต้ชื่อ “โตชิบา ไทยแลนด์” พร้อมมีโรงงานในไทยที่เป็นฐานการผลิตหลักกลุ่มสินค้า อาทิ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องครัว และเครื่องใช้ในบ้าน ภายใต้มาตรฐานคุณภาพญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย และเป็นฮับสำหรับส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก นอกจากนี้ ยังลงทุนเพิ่มในโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศ ภายใต้แบรนด์ไมเดีย เพื่อเป็นฮับสำหรับในประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย

สัดส่วนการถือหุ้นของ โตชิบา ไทยแลนด์  แบ่งเป็น ผู้ถือหุ้นไทย 54% ไมเดีย กรุ๊ป 36.8% และโตชิบา คอร์ป ญี่ปุ่น 9.2% โดยมีจำนวนพนักงาน 387 คน ในปัจจุบันบริษัทมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร และมี นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ดำรงตำแหน่งประธาน ส่วนบริษัท โตชิบา ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลาร่วม 148 ปีแล้ว

นายอเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนในไทยต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทแม่ได้มีการลงทุน 5,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในไทย อยู่ในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC จ.ชลบุรี รองรับการรุกตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยอย่างเข้มข้นนับจากนี้ และการส่งออกไปในต่างประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชียและตลาดสหรัฐ

สำหรับโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4 ล้านเครื่องต่อปี โดยโรงงานใช้ออโมเมชั่นในการผลิตสูงถึง 70% รองรับการเข้าสู่อุตสาหกรรม 5.0 ส่วนพนักงานในโรงงาน มีจำนวนรวมประมาณ 2,000 คน โดยโรงงานจะมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางในช่วงเดือน ต.ค.ปี 2566 นี้

ลงทุนครั้งใหญ่ในไทย บริษัทแม่ \'โตชิบา\' สร้างโรงงานแอร์มูลค่า 5,000 ล้าน

อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์

ภาพรวมโตชิบาในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ที่ผ่านมา สร้างการเติบโตถึง 15% มากกว่า ตลาดโดยรวมที่มีการเติบโต 14% แต่หากไม่รวมเครื่องปรับอากาศ ตลาดจะหดตัวลง 1% เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง มาจากการเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในครึ่งปีแรกสู่ตลาด 31 รุ่น การมีสินค้าหลักที่สร้างยอดขายได้ดีทั้ง ไมโครเวฟ เตาอบ เครื่องซักผ้า และหม้อหุงข้าว ซึ่งมีสินค้าไมโครเวฟ สามารถครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาด

แผนยอดขายรวมในครึ่งปีหลัง 2566 จะเดินหน้าเปิดตัวสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่สู่ตลาด 39 รุ่น พร้อมขยายช่องทางการขายใหม่ การจัดแคมเปญเพื่อรุกตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างในเทศกาล 11.11 และ 12.12 พร้อมร่วมมือ  Partner Synergy กับคู่ค้าในการร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการให้โดนใจผู้บริโภค รวมถึงการมุ่งทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นจากแผนงานที่วางไว้จะสร้างยอดขายรวมในปี 2566 เติบโต 15% จากปีก่อน

นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังโตชิบาจะเปิดตัวสินค้าอีก 39 รุ่น แบ่งเป็นตู้เย็น 21 รุ่น เครื่องซักผ้า 4 รุ่น หมวดเครื่องครัว 6 รุ่น และเครื่องใช้ในบ้านอีก 8 รุ่น

สินค้าไฮไลท์มี 6 รุ่น ได้แก่ ตู้เย็นมัลติดอร์ รุ่น GR-RF610WE-PMT(37) เป็นตู้เย็น 4 ประตู ความจุ 18 คิว ควบคุมการทำงาน ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife เครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น AW-DUM1500LT(MK) เป็นเครื่องซักผ้าฝาบนซักอัตโนมัติ ความจุ 14 กิโลกรัม ที่มีเทคโนโลยี Ultra Fine Bubble (UFB) เครื่องทำน้ำอุ่น รุ่น TWH-38EFNTH(W) ขนาด 3800 วัตต์ และ TWH-48EFNTH(W) ขนาด 4800 วัตต์ เป็นระบบดิจิทัล  เป็นหม้อต้มทองแดง แบบลดรอยต่อ

เตาอบไฟฟ้า รุ่น TL2-SAC25GZC(GR) ใหญ่จุใจขนาด 25 ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยี 3D Turbo Air Fry มีเมนูทอดไร้น้ำมัน 11 เมนูอัตโนมัติ   ไมโครเวฟ รุ่น MM-EM25PE(BK) ความจุ 25 ลิตร หม้อไฟฟ้าอเนกประสงค์ รุ่น HC-14KSSTH ขนาด 4.5 ลิตร มาพร้อมภาชนะ 3 แบบ สามารถต้ม ย่าง อบ ปิ้ง ทอด ผัด นึ่ง

ลงทุนครั้งใหญ่ในไทย บริษัทแม่ \'โตชิบา\' สร้างโรงงานแอร์มูลค่า 5,000 ล้าน

กนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์

นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ย้ำว่า โตชิบา ไทยแลนด์ จะครบรอบ 55 ปีในเดือน ส.ค.นี้ โดยบริษัทมีความมั่นใจในตลาดไทยและพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโตในตลาดไทยได้ดี มาจากหลากหลายปัจจัยทั้งทีมงาน ฝ่ายขาย และการตลาด

รวมถึงการนำเสนอสินค้าที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตรงใจผู้บริโภค อีกทั้งบริษัทที่ร่วมถือหุ้น ได้ส่งทีมงานมาร่วมพัฒนาและออกแบบสินค้า พร้อมมีการหารืออย่างใกล้ชิดในการทำตลาด ทั้งหมดจึงมั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตที่ดีทั้งในปีนี้และปีต่อไป