ตลาดความงามโต 'อินฟอร์มาฯ' ดึง 20 ประเทศร่วมงานแสดง
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผนึกภาคเอกชน สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย รุกจัด “Cosmoprof CBE ASEAN 2023” ในประเทศไทย วางเป้าดันแบรนด์เครื่องสำอางไทยโตแข็งแกร่งในโลก ปักหมุดฮับอาเซียน ชี้ตลาดความงามไทยมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท โตแรงหลังโควิดคลี่คลาย
นางเกศมณี เลิศกิจจา กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม และนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดความงามไทยในปี 2566 หลังจากโควิดคลี่คลาย กลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง จากความสนใจดูแลสุขภาพและความงามที่มีมากขึ้น โดยประเมินว่า ตลาดรวมงามไทยที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในปี 2566 จะมีการขยายตัว 9.46% เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน
ทั้งนี้ตลาดรวมความไทยที่มีการขยายตัวได้ดี จะมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางเป็นหลัก รวมถึงมาจากการเติบโตในช่องทางกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ที่ประเมินว่าจะขยายตัว 13% และตลาดอีคอมเมิร์ซ มีสัดส่วนประมาณ 28% ของตลาดโดยรวม
“ภาพรวมกำลังซื้อในประเทศยังไม่ค่อยดีนัก แต่ตลาดยังขยายตัวดีต่อเนื่อง มาจากคนกลับมาใช้ชีวิตปกติหลังโควิด และให้ความสำคัญกับการดูแลผิวและความงามมากขึ้น ทำให้ตลาดมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนในช่วงก่อนโควิด ตลาดจะขยายตัวเล็กน้อยที่ 1.88%”
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องสำอางในโลก มีมูลค่าประมาณ 9.4 ล้านล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมามีการขยายตัวประมาณ 6% ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์ความและเครื่องสำอาง อยู่ในอันดับ 19 ของโลก
จากแนวโน้มตลาดที่กำลังเติบโตทำให้ อินฟอร์มาฯ ได้เดินหน้าจัดงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2023” ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและสมาคมการค้า ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงาม โดยเป็นที่สุดแห่งงานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามระดับโลก โดยดึงภาคเอกชนมาร่วมงานกว่า 1,000 รายจาก 20 ประเทศทั่วโลก และผู้ผลิตเครื่องสำอางและความงามจากไทย มาร่วมงาน เพื่อเปิดโอกาสสร้างแบรนด์ไทยสู่คู่ค้าทั่วโลก
ทั้งนี้ประเมินว่า งานนี้จะสามารถสร้างเงินสะพัดได้กว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการจัดงานยังมีโปรแกรมจับคู่เจรจาธุรกิจ และการเวทีสัมมนานวัตกรรมและเทรนด์ความงามในโลก โดยกำหนดจัดตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานตลอด 3 วันกว่า 1.20 หมื่นคน จาก 60 ประเทศ เพิ่มขึ้น 23% จากการจัดงานครั้งก่อน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานจากทั้งยุโรปและในตลาดอาเซียน
ปัจจัยสำคัญมาจากการที่บริษัท มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ และคำว่า เมดอินไทยแลนด์กลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างให้การยอมรับและเชื่อมั่นมายาวนาน อีกทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด ของมิสทิน กลายเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับต้นๆ ในตลาดประเทศจีนแล้ว
