เทียบฟอร์มกำไร '6 กลุ่มโรงแรม' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ 'จีน' ยังอืด!

เทียบฟอร์มกำไร '6 กลุ่มโรงแรม' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ 'จีน' ยังอืด!

ส่องผลประกอบการ 'กำไร-ขาดทุน' ช่วงครึ่งแรกปี 2566 ของ 6 บริษัทมหาชน 'กลุ่มโรงแรม-บริการ' รับการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย หลังมีจำนวนทัวริสต์ต่างชาติเดินทางเข้ามาเกือบ 13 ล้านคนในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รวมถึงจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศอื่นๆ

จากสถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 2/2566 มี “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าไทยจำนวนรวม 6.4 ล้านคน ปรับลดลงเล็กน้อยจากปัจจัยฤดูกาลเข้าสู่ช่วง “โลว์ซีซัน” แต่ยังเติบโต 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวเอเชียเป็นสำคัญ คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 75% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ได้แก่ มาเลเซีย ครองสัดส่วน 18% จีน 14% และอินเดีย 7% ตามลำดับ

เมื่อดูเฉพาะ “นักท่องเที่ยวจีน” แม้ยังไม่มาตามนัด ตัวเลขต่ำกว่าประมาณการ หลังจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2566 แต่ก็ยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 21 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียและอินเดียเติบโตต่อเนื่องที่ 5 เท่า และ 1 เท่า

สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2566 นักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 12.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5 เท่า เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 16% จีน 11% และรัสเซีย 6% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมผลประกอบการไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) และงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2566 ของบริษัทมหาชนผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มโรงแรมและบริการ มาดูกันว่าผลการดำเนินงานของแต่ละบริษัทเป็นอย่างไรกันบ้าง

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!

 

AWC: บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)

AWC มีรายได้ตามงบไตรมาส 2/2566 รวม 4,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 คิดเป็นกำไรสุทธิ 1,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจโรงแรมและการบริการ หลังภาครัฐเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่ปลายปี 2565 ทำให้ภาพรวมอัตราเข้าพักโรงแรมของ AWC ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 62.5% เป็นการเติบโตในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ และโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เท่ากับ 5,367 บาทต่อคืน เติบโต 25.9% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 3,356 บาท โตขึ้น 82.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และก้าวนำปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดอยู่ที่ประมาณ 10%

ส่วนรายได้ตามงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้ 9,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.9%

ปัจจุบัน AWC มีจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นจำนวน 22 โรงแรม รวมจำนวนห้องพักรวม 5,794 ห้อง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 23 โรงแรม ภายในสิ้นปี 2566 รวม 6,034 ห้อง คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวน 3,432 ห้อง

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!

 

CENTEL: บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)

ตามงบไตรมาส 2 CENTEL มีรายได้รวม 5,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 910 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 4,340 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 121 ล้านบาท เติบโต 450% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 22 ล้านบาท

งวด 6 เดือนแรก มีรายได้รวม 11,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,893 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 8,221 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิมีจำนวน 750 ล้านบาท เติบโต 3671% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 21 ล้านบาท

ปัจจุบัน โรงแรมและรีสอร์ตในเครือ “เซ็นทารา” มีโรงแรมภายใต้การบริหารงานทั้งสิ้น จำนวน 93 โรงแรม (20,081 ห้อง) แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 50 โรงแรม (10,512 ห้อง) และเป็นโรงแรมที่กำลังพัฒนา 43 โรงแรม (9,569 ห้อง) ในส่วน 50 โรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วนั้น 19 โรงแรม (5,051 ห้อง) เป็นโรงแรมที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ และ31โรงแรม (5,461 ห้อง) เป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้สัญญาบริหาร

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!

 

DUSIT: บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)

ตามงบไตรมาส 2 DUSIT มีรายได้รวมจำนวน 1,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333 ล้านบาท คิดเป็น 31.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 186 ล้านบาท ลดลง 27.9% จากไตรมาส 2 ของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 258 ล้านบาท

โดยในไตรมาส 2 มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเติบโต 31.5% จากรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้น 24.9% ซึ่งเป็นผลจากอัตราเข้าพักที่เพิ่มขึ้นและผลสำเร็จจากการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องเฉลี่ย (ADR) สำหรับธุรกิจอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้น 65.7% จากการฟื้นตัวของธุรกิจการให้บริการจัดการอาหารแก่โรงเรียนนานาชาติ หลังจากโรงเรียนกลับมาดำเนินการเรียนการสอนตามปกติ (Onsite) และจากการลงทุนในธุรกิจผลิตเบเกอรี่และแฟรนไชส์ร้านขนมอบในปลายไตรมาส 2 ปี 2565 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงจากกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้ธุรกิจโรงแรมที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน

สำหรับ 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวมจำนวน 3,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 908 ล้านบาท คิดเป็น 41.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 177 ล้านบาท ลดลง 54.1% จากขาดทุน 386 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 มีกำไร EBITDA 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 60.6% จากไตรมาส 1 ปี 2566 สำหรับ 6 เดือนแรก มีกำไร EBITDA 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 88.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ของปีนี้ “กลุ่มดุสิตธานี” เปิดโรงแรมเพิ่ม 3 แห่งในรูปแบบของการรับจ้างบริหาร ได้แก่ โรงแรมดุสิตดีทู สามย่าน กรุงเทพฯ จำนวน 179 ห้อง โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ สาทร จำนวน 106 ห้อง และโรงแรม อาศัย เกียวโต ชิโจ ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 114 ห้อง ทำให้ DUSIT มีโรงแรมภายใต้การบริหารจัดการรวมเป็น 52 แห่ง สำหรับธุรกิจบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูภายใต้แบรนด์ “Elite Havens” ยังคงปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อเน้นคุณภาพและเพิ่มอัตราผลตอบแทน โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ มีโรงแรมและวิลล่าภายใต้การบริหารจัดการรวม 282 แห่ง ห้องพัก 12,080 ห้อง กระจายใน 18 ประเทศ 

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!

 

ERW: บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ERW มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง  โดยนับเป็นผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร EBITDA 483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 142 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 202%จากขาดทุนสุทธิ 139 ล้านบาท

สำหรับ 6 เดือนแรก มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 3,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บันทึกกำไร EBITDA 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 641% และมีกำไรสุทธิ 381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 184%จากขาดทุนสุทธิ 452 ล้านบาท

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!

 

MINT: บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

ในไตรมาส 2 ธุรกิจกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารของ MINT มีการเติบโตของรายได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานโดยรวมของทั้งกลุ่มอยู่ที่ 40,504 ล้านบาท เติบโต 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรมเป็นผลมาจากความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กลยุทธ์การกำหนดราคาเชิงรุกและการเปิดโรงแรมใหม่ ส่วนกลุ่มร้านอาหาร จากจำนวนลูกค้าในร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการขยายเครือข่ายของกลุ่มธุรกิจ มีส่วนช่วยผลักดันการเติบโต

ทั้งนี้ในไตรมาส 2 บริษัทมีกำไร EBITDA จากการดำเนินงานเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าการเติบโตของรายได้ เติบโต 36% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 12,282 ล้านบาท ถึงแม้จะมีแรงกดดันจากสภาวะเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของผลกำไร เป็นผลมาจากความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการเพิ่มประสิทธิผลจากการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจ

สำหรับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 พลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกอยู่ที่ 3,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148% เทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ในปี 2562 โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมใน “ทวีปยุโรป” มีผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ “ไมเนอร์ ฟู้ด” มีผลกำไรที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ผลส่วนใหญ่มาจากการยกเลิกมาตรการการปิดเมืองต่างๆ ในประเทศจีน และกลยุทธ์การขายที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 MINT มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 73,614 ล้านบาท โดยมีกำไร EBITDA เติบโต 62% อยู่ที่ 19,136 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นและจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 2,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199% เทียบกับผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน 2,371 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ณ สิ้นไตรมาส 2 มีโรงแรมที่ลงทุนเอง 366 แห่ง และมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีทที่รับจ้างบริหารอีก 167 แห่งใน 55 ประเทศ มีจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 78,129 ห้อง ซึ่งเป็นห้องที่บริษัทลงทุนเองและเช่าบริหารจำนวน 56,402 ห้อง และห้องที่บริษัทรับจ้างบริหารจำนวน 21,727 ห้อง ภายใต้แบรนด์อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช, นาว และ เอเลวาน่า คอลเลคชั่น

โดยจากห้องพักทั้งหมด เป็นห้องพักในประเทศไทย 5,571 ห้อง คิดเป็นสัดส่วน 7% และเป็นห้องพักในต่างประเทศ 72,558 ห้อง คิดเป็นสัดส่วน 93% ในอีก 54 ประเทศ ครอบคลุมทั่วทวีปเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!

 

SHR: บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)

SHR มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 2,277 ล้านบาทในไตรมาส 2 เติบโต 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยของทั้งพอร์ตโฟลิโอที่ 68% เพิ่มขึ้นจากอัตราเข้าพักเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมในประเทศไทยและสหราชอาณาจักร ขณะที่ ADR ปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการในทุกภูมิภาคที่โรงแรมของ SHR ตั้งอยู่ มี ADR อยู่ที่ 5,294 บาท เมื่อเทียบกับ 4,780 บาท ของงวดเดียวกันในปีก่อน

การดำเนินงานข้างต้นส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำจากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันในปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ถูกกดดันด้วยค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ บันทึกขาดทุน 117 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2566

สำหรับ 6 เดือนแรก มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 4,821 ล้านบาท เติบโต 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตดังกล่าวเกิดจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้งพอร์ตโฟลิโออยู่ที่ 69% เทียบกับ 54% ของช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ ADR มีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน มี ADR เฉลี่ยที่ 5,544 บาท เทียบกับ 4,995 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน พิจารณาเป็น RevPAR ที่ 3,800 บาท และ 2,688 บาทตามลำดับ โดย RevPAR เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน รายได้จากการให้บริการที่เติบโตขึ้นประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มี Adjusted EBITDA ที่ 1,112 ล้านบาท และมีกำไรที่ 7.7 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2566

เทียบฟอร์มกำไร \'6 กลุ่มโรงแรม\' ครึ่งแรกปี 66 ท่องเที่ยวฟื้น แต่ \'จีน\' ยังอืด!