ท่องเที่ยววันแม่ 2566 ไม่คึกคัก! เงินเฟ้ออุปสรรคใช้จ่ายสะพัดแค่ 8.7 พันล้าน

ท่องเที่ยววันแม่ 2566 ไม่คึกคัก! เงินเฟ้ออุปสรรคใช้จ่ายสะพัดแค่ 8.7 พันล้าน

'ททท.' คาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทย ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 12-14 ส.ค. 2566 คนไทยยังคงออกเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร! เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อกระแสการเดินทางในช่วงหยุดยาวดังกล่าวคือราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าและบริการต่างๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายและการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ทำให้การท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นมีสัดส่วนใกล้เคียงกับการท่องเที่ยวแบบพักค้าง

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจการเดินทางช่วงวันหยุดวันแม่แห่งชาติ 2566 ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า คนไทยไม่มีแผนการเดินทาง 23% เที่ยวในจังหวัดตนเอง 23% วางแผนไปเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงและพักค้างคืน 21% ไปจังหวัดใกล้เคียงไม่พักค้างคืน 20% และเดินทางข้ามภาค 13% นอกจากนี้ เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ส.ค. มีวันหยุดยาวต่อเนื่องถึง 6 วัน ซึ่งคนไทยได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวมาแล้ว ประกอบกับสภาพอากาศที่มีฝนตกค่อนข้างชุกหลายพื้นที่

“ททท.คาดว่าคนไทยจะชะลอการออกเดินทางท่องเที่ยว ทำให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงและวันแม่แห่งชาติปีนี้ ไม่คึกคักเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.60 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้อยู่ที่ 8,760 ล้านบาท โดยทั้งจำนวนและรายได้ติดลบอยู่ที่ 4% และ 5% ตามลำดับ”

อย่างไรก็ตาม จากคาดการณ์กระจายตัวของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและรายได้จากการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว พบว่าพื้นที่ “กรุงเทพฯ” มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น เพราะมีการท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์เกาหลีเรื่อง King The Land” โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 602,490 คน-ครั้ง ขยายตัว 9.18% สร้างรายได้ 3,130 ล้านบาท ขยายตัว 10.82% และมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 64% ของจำนวนห้องพัก เพิ่มขึ้น 23.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ท่องเที่ยววันแม่ 2566 ไม่คึกคัก! เงินเฟ้ออุปสรรคใช้จ่ายสะพัดแค่ 8.7 พันล้าน

อีกพื้นที่ที่มีการเดินทางเติบโตขึ้นคือ “ภาคเหนือ” มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 290,350 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.39% สร้างรายได้ 1,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.92% และมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 54% เพิ่มขึ้น 6.33%

ส่วนพื้นที่ที่คาดการณ์ว่ากระแสการเดินทางติดลบสูงสุดคือ “ภาคตะวันออก” มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 367,190 คน-ครั้ง ลดลง 22.74% สร้างรายได้ 1,340 ล้านบาท ลดลง 28.46% และมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 64% เพิ่มขึ้น 7.24% ด้าน “ภาคใต้” มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 266,850 คน-ครั้ง ลดลง 10.01% สร้างรายได้ 1,320 ล้านบาท ลดลง 10.38% และมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% เพิ่มขึ้น 14.60%

ท่องเที่ยววันแม่ 2566 ไม่คึกคัก! เงินเฟ้ออุปสรรคใช้จ่ายสะพัดแค่ 8.7 พันล้าน

สำหรับแรงหนุนจากกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. อาทิ เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน จ.ชัยภูมิ, ท่องเที่ยวเส้นทางพญานาค เส้นทางไหว้พญานาคพญายักษ์ เส้นทางมูกลางคืนก็ปัง มูกลางวันก็เฮง และเส้นทางไหว้พระของพร 8 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จ.อุดรธานี, กิจกรรมซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) แต่งชุดไทยและเที่ยวชมสถานโบราณจำลองที่เมืองโบราณ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์เกาหลีเรื่อง King The Land” และตามรอยรายการวาไรตี้ชื่อดัง Keep Running” หรือ Running Man เวอร์ชันประเทศจีน, งาน PAKK TAII DESIGN WEEK 2023 จ.สงชลา ระหว่างวันที่ 12-20 ส.ค 2566 และกิจกรรมสิงหาพาแม่เที่ยว จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 12-14 ส.ค. 2566

ขณะที่ “อโกด้า” (Agoda) แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว ได้เปิดเผยถึง 10 อันดับจุดหมายปลายทางในประเทศยอดนิยมที่คนไทยค้นหามากที่สุด โดย “พัทยา” ครองอันดับ 1 ตามมาด้วยหัวหิน-ชะอำ กรุงเทพฯ เขาใหญ่ และกาญจนบุรี แสดงให้เห็นว่าเมืองท่องเที่ยวที่คนไทยคุ้นเคยกันดียังคงเป็นที่นิยมสำหรับการฉลองวันแม่ ซึ่งพัทยายังคงเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีทั้งชายหาด แหล่งบันเทิงในยามค่ำคืน รวมถึงกิจกรรมที่ครอบครัวสามารถไปทำร่วมกันได้ เช่น ถ่ายรูปกับภาพวาด 3 มิติที่ Art In Paradise Pattaya และเดินเล่นชิลๆ ที่ตลาดน้ำ 4 ภาค พร้อมเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่น และกินอาหารอร่อย