'พลพัฒน์’ เบ่งอาณาจักร ‘อาซาว่า กรุ๊ป’ ยกทัพแฟชั่ัน ร้านอาหาร ลุยต่างประเทศ

'พลพัฒน์’ เบ่งอาณาจักร ‘อาซาว่า กรุ๊ป’  ยกทัพแฟชั่ัน ร้านอาหาร ลุยต่างประเทศ

“อาซาว่า” เป็นแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่ “พลพัฒน์ อัศวะประภา” ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง บริษัท อาซาว่า จำกัด ปลุกปั้นให้เป็นที่รู้จักในตลาดประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

ย้อนจุดสตาร์ท “พลพัฒน์” เล่าเส้นทางการทำธุรกิจที่ถือว่าอยู่ในสายเลือด เพราะเป็นสิ่งที่ครอบครัวดำเนินการอยู่แล้ว เพียงแต่ตนเองเลือกที่จะสร้าง “อาณาจักร” เป็นของตนเอง

วันที่ 8 เดือน 8 หรือสิงหาคม ปี 2551 “พลพัฒน์” ตั้งบริษัทด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท แต่มีเงินทุนตั้งต้นจากครอบครัว 15 ล้านบาท ภายหลังได้เพิ่มอีก 5 ล้านบาท เพื่อต่อยอดความฝัน ความเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง หลังจบการศึกษา สั่งสมประสบการณ์ด้านแฟชั่นจากการทำงานกับแบรนด์ดังทั้งในสหรัฐฯ และอิตาลี มาสู่การพลิกพื้นที่เล็กๆอย่างห้องเก็บของที่บ้านให้เป็นสถานที่ทำงาน ออกแบบ ตัดเย็บเสื้อผ้า สร้างแบรด์ “อาซาว่า”

“ธุรกิจเราเกิดจากบริษัทเล็กๆ ด้วยความเป็นแกะดำของบ้าน ที่ต้องการแยกตัวมาก่อตั้งแบรนด์กันกับทีมงาน 4 คน”

บริษัทเล็ก แต่วิธีการทำงาน ระบบต่างๆ จัดเต็ม เพราะถือเป็นรากฐานของธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต ขณะที่การสร้างแบรนด์แกร่ง เกิดจากแนวคิดการทำงานที่ยึดดีเอ็นเอเริ่มจาก 3 คำ ได้แก่ Urban เน้นความเป็นตัวตนของผู้หญิงทำงานในเมืองใหญ่ Sophisticated มีความโก้หรู ที่ไม่หวือหวา Realistic เสื้อผ้าแฟชั่นสวมใส่ได้จริง ไม่ใช่ใส่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ทำให้มีลูกค้าอยู่เคียงข้างแบรนด์มา 15 ปี

\'พลพัฒน์’ เบ่งอาณาจักร ‘อาซาว่า กรุ๊ป’  ยกทัพแฟชั่ัน ร้านอาหาร ลุยต่างประเทศ 5 แบรนด์จาก อาซาว่า กรุ๊ป โดยยูนิฟอร์มเติบโตแรง 102%

เมื่อแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลง “อาซาว่า” ยังค้นพบ 2 คำมาเสริมกลายเป็น 5 คำ คือ Authentic แบรนด์ที่มีความเป็นเนื้อแท้ ไม่วิ่งตามกระแส และ Intelligent การฉลาดและรู้จักใช้ชีวิต และซื่อตรงต่อสไตล์อันเด่นชัดของตัวเอง

จากจุดเริ่มสร้างแบรนด์แฟชั่น “อาซาว่า” ปัจจุบันอาณาจักรแฟชั่นแตกไลน์แบรนด์ เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายหลากหลายมากขึ้น ทั้งแบรนด์เอเอสวี(Asv ) ที่มีความสนุกสนาน ใส่สบาย มียูนิฟอร์ม บาย อาซาว่า(Uniform by Asava ) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร ปัจจุบันขยายฐานลูกค้า 30-40 บริษัท เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ที่ต้องส่งมอบชุดให้พนักงานร่วม 20,000 ชีวิต เป็นต้น ยังมีไวท์ อาซาว่า(White Asava ) หมู(MOO) ซึ่งเหมือนการยกตู้เสื้อผ้าของ “พลพัฒน์” มาทำตลาด

นอกแฟชั่น “พลพัฒน์” ยังรุกธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ ซาว่า โมเดิร์น ไทย เฟลเวอร์(SAVA Modern THAI Flavour) ที่สาขาดิ เอ็มโพเรียม ต่อยอดการเติบโตด้วย

\'พลพัฒน์’ เบ่งอาณาจักร ‘อาซาว่า กรุ๊ป’  ยกทัพแฟชั่ัน ร้านอาหาร ลุยต่างประเทศ

ธุรกิจร้านอาหารภายใต้อาณาจักรพันล้าน "อาซาว่า กรุ๊ป" 

ก้าวสู่ปีที่ 16 แผนขับเคลื่อนอาณาจักรพันล้าน จะเห็นการบุก “ต่างประเทศ” ครั้งใหม่ หลังชะงักเพราะโควิด-19 ระบาด โดยมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ กลยุทธ์เพื่อเจาะขุมทรัพย์มหาศาล โดยเฉพาะตลาด “จีน” เจรจากับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านขยายตลาดแฟชั่น จากก่อนหน้านี้จำหน่ายผ่านร้านมัลติแบรนด์ รวมถึงการบุดตลาด “อินโดนีเซีย” ที่มองแนวโน้มอำนาจซื้อและการเติบโตจะร้อนแรงเช่นเดียวกับจีน

ส่วนอาเซียนยังโฟกัสตลาดกัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม หลังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกัมพูชาเมื่อมาเที่ยวไทยและเยี่ยมช็อปของอาซาว่า กรุ๊ป พบยอดซื้อต่อบิลสูง 2-3 แสนบาท นอกจากนี้ จะเห็นการผนึกพันธมิตรในต่างประเทศ นำร้านอาหารไปรุกตลาดฮ่องกงด้วย มาเก๊า และจีน หลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก

“การขยายตลาดต่างประเทศมีความท้าทาย อดีตคู่ค้าเลือกแบรนด์เราไปจำหน่าย วันนี้เราปรับกลยุทธ์ต้องเป็นฝ่ายเลือกพันธมิตรด้วย เพื่อให้ทำตลาดและดูแลแบรนด์เราเหมือนลูก”

สำหรับการบุกต่างแดน “พลพัฒน์” มองความสำเร็จด้านยอดขายอาจต้องใช้เวลา 3 ปี จุดเปลี่ยนสำคัญคือตลาดจีน หากสร้างแบรนด์ปัง! ครองใจกลุ่มเป้าหมาย จะทำเงินมหาศาล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าโอกาสทอง มาพร้อมกับการแข่งขันสูง เพราะแบรนด์เนมระดับโลกหมายตาและยกทัพไปเปิดเกมรุกชิงกำลังซื้อจีนเช่นกัน

\'พลพัฒน์’ เบ่งอาณาจักร ‘อาซาว่า กรุ๊ป’  ยกทัพแฟชั่ัน ร้านอาหาร ลุยต่างประเทศ

อาซาว่า กับการออกแบบชุดให้ผ้าไหมไทยให้ "ลิซ่า BLACKPINK"

อย่างไรก็ตาม แต้มต่อการลุยต่างประเทศ คือการรับรู้แบรนด์(Brand Awareness)จากการที่อาซาว่ามีผลงานออกแบบชุดผ้าไหมไทยให้กับนักร้องดัง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” แห่งวง BLACKPINK ในมิวสิควิดีโอ “LALISA”

ส่วนตลาดในประเทศ ปี 2566 จะเห็นการปรับโฉมร้านใหม่ 6 สาขา จากมีทั้งสิ้น 11 สาขา การลงทุนในยุคนี้ไม่ใช้เงินทุนมากเหมือนอดีต เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเข้าร้านมาเพื่อสัมผัสประสบการณ์ และลองสินค้า แต่การซื้อให้น้ำหนักกับ “ออนไลน์” มากขึ้น

จากแผนดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าผลักดันอาณาจักร “อาซาว่า กรุ๊ป” ใน 5 ปีข้างหน้า เติบโตต่อเนื่อง 25% มีรายได้จากต่างประเทศ 12% จาก 3%  ขณะที่ปี 2567 แนวโน้มเติบโต 50% ด้านภาพรวมครึ่งปีแรกแบรนด์อาซาว่ามียอดขายเติบโต 35% เอเอสวีเติบโต 23% ยูนิฟอร์ม บาย อาซาว่ายอดขายเติบโต 102% ส่งผลให้ภาพรวมบริษัทเติบโต 63%

อาซาว่า กรุ๊ป เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรพันล้านแล้ว จากจุดเริ่มต้นมีพนักงานไม่กี่คน ปัจจุบันมีหลักร้อย และผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นจำนวนมาก เฉพาะชุดยูนิฟอร์ม เรามีกำลังผลิตถึงหลักแสนชุด ตลอดเส้นทางธุรกิจ 15 ปี ทุกๆ 5 ปีเราเผชิญการเปลี่ยนแปลง เช่น 5 ปีแรก มีทั้งการเติบโต และเกือบเจ๊ง! จากปัจจัยภายนอก(ขณะนั้นมีวิกฤติการเมือง) มีสต๊อกวัตถุดิบผ้ามูลค่าหลายร้อยล้านบาท เมื่อหลังชนฝาเราปรับตัว พลิกทำให้กราฟการเติบโตเราชันสูงขึ้น ส่วนระยะยาวเป้าหมายใหญ่อยากสร้างอาซาว่าให้โตยั่งยืน ธุรกิจส่งต่อไปอีกหลายเจนเนอเรชั่นเหมือนแบรนด์ระดับโลก