ททท. ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลเข็นมาตรการ ลับคม 'อาวุธใหม่' สู้ศึกชิงนักท่องเที่ยว

ททท. ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลเข็นมาตรการ ลับคม 'อาวุธใหม่' สู้ศึกชิงนักท่องเที่ยว

'การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย' (ททท.) เชื่อว่าหลายฝ่ายอยากให้มี 'การจัดตั้งรัฐบาล' โดยเร็ว! เพื่อออกมาตรการกระตุ้นดีมานด์ภาคท่องเที่ยวด้วย 'อาวุธใหม่' ในช่วงรอยต่อเข้าฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ 'ไฮซีซัน' เดือน ต.ค.นี้ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจับจ่ายภายในประเทศ

หลังกำลังซื้อของตลาดนักท่องเที่ยวไทยมีปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น การทำโปรโมชันร่วมกับภาคเอกชน (Joint Promotion) ในตลาดเป้าหมาย

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ฉายภาพว่า อย่างตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ตอนนี้ยังไม่มาตามนัด จากสถิติช่วง 7 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยสะสม 1.85 ล้านคน โดยเฉพาะเดือน ก.ค. มีเข้ามาทะลุ 4 แสนคนเป็นเดือนแรก ถ้าเดือน ส.ค.นี้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่สามารถขยับเพิ่มเป็น 5 แสนคนได้ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าเดือน ต.ค. ซึ่งมีช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาว “วันชาติจีน” จะมีนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวเดินทางเข้าไทยมากขึ้น

“ททท.ประเมินแนวโน้มว่าน่าจะได้นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยถึง 4 ล้านคนแน่นอนในปีนี้ จากที่เคยคาดหวังว่าจะเห็นตัวเลข 5.8 ล้านคน แต่พอเศรษฐกิจจีนมีปัญหา รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ รวมถึงดึงคนจีนเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ประเทศไทยจึงต้องทำตัวให้น่าสนใจ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคนในปีนี้”

ด้วยการเร่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร่นระยะเวลาการขออนุมัติวีซ่าแก่ชาวจีนให้เร็วกว่าภายใน 15 วันตามที่กำหนด ส่วนประเด็นการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวเรียกร้อง มองว่าเป็นมาตรการที่เหมาะกับสถานการณ์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านการเดินทางมากกว่า เพราะจากสถิติช่วง 7 เดือนแรก พบว่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดียติด 5 อันดับแรกของตลาดต่างชาติเดินทางเข้าไทยสูงสุด ทั้งที่ต้องยื่นขอวีซ่าเข้าไทย ททท.จึงมองว่าประเด็นสำคัญคือการยกระดับการอำนวยความสะดวก หรือ Ease of Traveling มากกว่า

“หลังจากรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวในประเทศ ผมได้สั่งการไปยัง 5 สำนักงาน ททท.ในประเทศจีนให้รักษาส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ของตลาดชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศไว้ให้ได้ จากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดมีชาวจีนเดินทางมาไทย 11 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 10% ของชาวจีนออกนอกประเทศ 100-120 ล้านคน ขณะเดียวกันต้องดึงกลุ่มคุณภาพเข้ามาใช้จ่ายเพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)”

การจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ยังมีผลสำคัญต่อการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ที่ควรเริ่มต้นใช้จ่ายตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไปของทุกปี โดยในปีงบประมาณ 2567 ททท.ได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 1,500 ล้านบาท จากปีงบประมาณ 2566 ได้มาประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะรวมทั้งค่าใช้จ่ายประจำ อาทิ ค่าจ้างบุคลากร ไว้กับงบทำการตลาดในโครงการเดิมที่มีอยู่ และโครงการใหม่ที่อาจมีเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นตลาดต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นด้วย

“เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ก็จะไม่มีผู้เข้ามาอนุมัติงบเหล่านี้ ทำให้ ททท.ต้องใช้งบไปพลางก่อนได้เพียง 50% ของงบประมาณปี 2566 จึงมีข้อจำกัดในการใช้งบประมาณในการทำตลาดซึ่งน่าจะอยู่ที่ราว 600 ล้านบาทเท่านั้น ในสถานการณ์ที่บริบทรอบข้างเปลี่ยนไป ตลาดเปิดกว้าง การเปิดประเทศแย่งชิงนักท่องเที่ยวเป็นไปอย่างเข้มข้น หากเราต้องการออกอาวุธลับ ออกมาตรการกระตุ้นพิเศษในช่วงปลายปีนี้เพื่อบรรลุตามเป้าหมาย ก็อาจจะยังเป็นข้อจำกัดหากมีการตั้งรัฐบาลช้าออกไป”

ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า วานนี้ (8 ส.ค.) ททท.ได้เปิดตัวโครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating” เพื่อเดินหน้า Shape Supply” ยกระดับห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “มาร่วมสร้างท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน” นำไปสู่ High Value Services & Standard

ด้วยการสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals : SDGs 17 เป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ สู่เป้าหมาย Sustainable Tourism Goals : STGs” ทั้ง 17 เป้าหมายที่สะท้อนความยั่งยืน เพื่อส่งมอบ “Valued Experiences” ประสบการณ์อันทรงคุณค่าแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างแรงกระเพื่อมและปลูกจิตสำนึกให้นักท่องเที่ยวหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมผ่านการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism)

ท่ามกลางสถานการณ์ภาวะ “สิ่งแวดล้อม” ที่เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้เกิดเป็นปัญหาโลกร้อน รวมถึงความเสื่อมโทรมทางทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ที่นับวันทวีคูณความรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนปรากฏการณ์เอลนีโญที่หลายๆ ประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ด้วย

ททท. ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลเข็นมาตรการ ลับคม \'อาวุธใหม่\' สู้ศึกชิงนักท่องเที่ยว

ภายใต้โครงการฯ จะมีการมอบประกาศนียบัตร “ดาวแห่งความยั่งยืน” มีอายุคราวละ 2 ปี ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตนเอง ประกอบด้วย 3 ระดับ ดังนี้ 3 ดาว” สำหรับผู้ประกอบการที่ผ่าน STG 13 STG 16 และ STG 17 รวมทั้งหมด 3 เป้าหมาย ส่วน 4 ดาว” สำหรับผู้ประกอบการที่ผ่าน STG 13 STG 16 STG 17 และเป้าหมายใดก็ได้อีก 6 STGs รวมทั้งหมด 9 เป้าหมาย และ 5 ดาว” สำหรับผู้ประกอบการที่ผ่าน STG 13 STG 16 STG 17 และเป้าหมายใดก็ได้ ไม่น้อยกว่า 9 STGs  รวมทั้งหมด 12 เป้าหมายขึ้นไป

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ และรักษามาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องนั้น จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดของ ททท. ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไปในอนาคต โดยเตรียมเปิดรับสมัครผู้ประกอบการตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ www.TATstar.org

ททท. ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลเข็นมาตรการ ลับคม \'อาวุธใหม่\' สู้ศึกชิงนักท่องเที่ยว