ททท. ดัน 'ท่องเที่ยว' เครื่องยนต์พยุง ศก. ยันเป้ารายได้ปี 67 สูง 3 ล้านล้านบาท

ททท. ดัน 'ท่องเที่ยว' เครื่องยนต์พยุง ศก.  ยันเป้ารายได้ปี 67 สูง 3 ล้านล้านบาท

'ททท.' ยืนยันตั้งเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2567 ไว้สูงถึง '3 ล้านล้านบาท' ต่อไปเพื่อบริหารความเสี่ยง ดีกว่าตั้งเป้าหมายต่ำ ย้ำถึงภารกิจต้องทุ่มเททำการตลาดอย่างเต็มที่ เพราะ 'ภาคท่องเที่ยว' เป็นเครื่องยนต์เดียวในการพยุงเศรษฐกิจไทยให้ไปรอดในตอนนี้!

หลังรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2565 หลุดเป้า และคาดการณ์ว่าปี 2566 จะพลาดเป้าเช่นกัน

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากด้านนโยบายและแผนของ ททท. ว่าตามที่ ททท.วางเป้าหมายสร้างรายได้การท่องเที่ยวเข้าประเทศหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ในปี 2565 และปี 2566 พบว่าไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายหรือ “หลุดเป้า” ที่วางไว้ในแง่ของ “รายได้” แต่ในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวยังเป็นไปตามเป้าหมาย

“อย่างไรก็ตาม ททท.ยังเน้นตั้งเป้าสูงไว้เช่นเดิม ถึงแม้จะหลุดเป้าไปบ้าง ก็ดีกว่าตั้งเป้าต่ำ จะได้บริหารความเสี่ยงเพื่อแก้ไขปัญหาให้มากขึ้นด้วย”

ทั้งนี้ เมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ประเทศไทยมีรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 3 ล้านล้านบาท กระทั่งสถานการณ์เริ่มฟื้นตัวในปี 2565 ททท.ตั้งเป้าสร้างรายได้รวมกลับมา 50% ของปี 2562 หรือ 1.5 ล้านล้านบาท แต่สามารถทำได้ 1.23 ล้านล้านบาท หรือ 94% ของเป้าหมาย ขณะที่ในปี 2566 ตั้งเป้าสร้างรายได้รวมกลับมา 80% ของปี 2562 หรือ 2.38 ล้านล้านบาท คาดว่าทำได้ 2.167 ล้านล้านบาท หรือ 91% ของเป้าหมาย ส่วนในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้กลับมา 100% ของปี 2562 หรือสร้างรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท

“ททท.ต้องการรู้ว่าที่ผ่านมาทำได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน จึงย้อนกลับไปดูตัวเลขทั้งในแง่รายได้และจำนวน จะได้บริหารจัดการภายใต้ความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงภายนอกที่จะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไป”

อย่างเช่นในปี 2565 ภาคท่องเที่ยวดีใจกับการฟื้นตัว มีการฉลองต้อนรับนักท่องเที่ยวตามท่าอากาศยานต่างๆ ว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยถึง 11.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 10 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพียง 4 แสนกว่าคนเท่านั้น เพราะยังมีการระบาดของโควิด-19 แต่พอดูในแง่รายได้ปี 2565 พบว่าปัจจัยที่ทำให้รายได้ไปไม่ถึงเป้า เป็นเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากตลาดระยะใกล้ ขณะเดียวกันยังมีข้อจำกัดด้านการฟื้นตัว จากสถานการณ์เที่ยวบินระหว่างประเทศยังไม่กลับมาปกติ มีจำนวนเที่ยวบินน้อยกว่าก่อนโควิด-19 ระบาดอย่างมาก

“เมื่อดูลึกลงไป พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทย 11.5 ล้านคนในปี 2565 สามารถสร้างรายได้ได้เกือบ 50% ของปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน ถ้าเปรียบเทียบกับตอนนั้นต้องใช้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 20 ล้านคนจึงจะได้รายได้จำนวนนี้ แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงขึ้น”

ส่วนปี 2566 ที่วางเป้าหมายสร้างรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถทำได้ 2.167 ล้านล้านบาท พลาดเป้าเช่นกันนั้น ไม่อยากโทษว่าเป็นเพราะจำนวน “นักท่องเที่ยวจีน” ที่เข้ามาไม่มากตามคาด เนื่องจากปัจจัยหลักอยู่ที่สถานการณ์การบินยังไม่กลับมา ทำให้ต้องมาดูว่าเป้าหมายที่หลุดไปนั้นมากน้อยแค่ไหน และเพราะเหตุใดรายได้ถึงไม่เป็นไปตามเป้า

ทำให้ในปี 2567 ททท.ต้องเอาประสบการณ์ในปีที่ผ่านมา มาเป็นแนวทางบริหารความเสี่ยง เนื่องจากปีหน้าหลายฝ่ายมองว่า “ดอกเบี้ยขาขึ้น” จะส่งผลกระทบต่อการลงทุน ขณะเดียวกัน “ภาคส่งออก” มีแนวโน้มติดลบ ทุกฝ่ายต่างมองว่า “ภาคท่องเที่ยว” คือ “เครื่องยนต์หลัก” ในการดึงรายได้เข้าประเทศ!

“ดังนั้น ททท.ต้องใส่ความพยายาม ไปให้ถึงเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้สูงถึง 3 ล้านล้านบาท ภายใต้การบริหารความเสี่ยงดังกล่าว เช่นรู้อยู่แล้วว่าหารายได้ได้ 70% พอถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทุกคนก็แฮปปี้ แต่ ททท.ตั้งเป้าสูงเพื่อไปให้ถึง ด้วยการตั้งเป้าไว้ที่ 100% สมมติได้แค่ 90% ถึงจะหลุดเป้า แต่ 90% ก็ย่อมมากกว่า 70% อยู่ดี โดยเหตุผลที่ตั้งเป้าไว้สูง ก็เพื่อทุ่มเทสรรพกำลัง บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว เพราะ ททท.มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลังเกิดการระบาดของโควิด-19”

ยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันกระแส “เที่ยวล้างแค้น” ยังมีอยู่! แม้ราคาตั๋วเครื่องบินยังค่อนข้างแพง แต่ทางสมาคมโรงแรมไทย (THA) รายงานว่า เห็นเทรนด์การจองห้องพักโรงแรมในไทยช่วงไฮซีซันปลายปีนี้ มีอัตราเร่งดีกว่าไฮซีซันปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด

ททท.ประเมินว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีน น่าจะเดินทางเข้าไทยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แรงส่งสำคัญจากการฟื้นตัวของจำนวนเที่ยวบินเส้นทางไทย-จีนดีต่อเนื่อง ปัจจุบันมีให้บริการประมาณ 400 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มจากเมื่อเดือน พ.ค. ซึ่งมี 150 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทำให้ ททท.ยังมีความหวังลุ้นเห็นนักท่องเที่ยวจีนมาไทยถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนตลอดปีนี้ หลัง 6 เดือนแรกมีจำนวนสะสมราว 1.5 ล้านคน

โดยในไตรมาส 4 เดือน ต.ค.นี้ซึ่งมีช่วงหยุดยาววันชาติจีน (1 ต.ค.) ส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ขณะที่ตลาดกรุ๊ปทัวร์ยังฟื้นได้ไม่เต็มที่ ต่างจากตลาดอื่นๆ ในเอเชีย เช่น เวียดนาม ที่ตลาดกรุ๊ปทัวร์มีจำนวนเดินทางเข้าไทยจำนวนมากขึ้น