ตลาดต่างประเทศ ขุมทรัพย์สปีดโต ‘ศรีนานาพรฯ’ ปักธงรีจินัลแบรนด์

ตลาดต่างประเทศ ขุมทรัพย์สปีดโต ‘ศรีนานาพรฯ’ ปักธงรีจินัลแบรนด์

“ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” นอกจากเดินหน้าสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้า ตามที่ประกาศไว้ตอนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อยืนหนึ่งในตลาดขนมขบเคี้ยวหรือสแน็คภายในประเทศไทย ยังสานภารกิจการเติบโตในต่างแดนด้วย

วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) อัพเดทแผนขับเคลื่อนธุรกิจภายใน 3 ปีข้างหน้า จะผลักดันยอดขายให้แตะระดับ 8,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 คาดการณ์ยอดขายอยู่ที่ 6,600 ล้านบาท ทว่า เป้าหมายใหญ่ยังเป็นการเติบโต “เท่าตัว” จากตอนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือเป็นแผน 5 ปีตามที่บริษัทวางไว้

เกือบครึ่งทางของ “ศรีนานาพร” ถือว่าทำผลงานได้ดี และมีโอกาสที่จะทะลุเป้ายอดขาย "เร็ว” กว่าที่ตั้งไว้ โดยจิ๊กซอว์สำคัญ คือการลุยตลาดต่างประเทศ

“เวียดนาม” หมุดหมายสำคัญที่บริษัทยกมาสเตอร์โมเดลการทำตลาดไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตสินค้า นำแบรนด์หัวหอก “เบนโตะ” ไปเสิร์ฟผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและตลาดใหญ่ที่มีประชากรถึง “ร้อยล้านคน” และเสริมทัพด้วยสินค้าอื่นๆในพอร์ตโฟลิโอ ไม่ว่าจะเป็นขนมขาไก่แบรนด์ “โลตัส” เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมี “กระดูกสันหลังแกร่ง” จากพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้า ซึ่งเจาะร้านค้าทั่วไปครอบคลุมกว่า 1.7 แสนแห่งทั่วประเทศ มีคลังสินค้า 41 แห่ง ผสานกับจุดแข็งบริษัททั้งเครือข่ายค้าส่งเกือบ 500 แห่ง คลังสินค้าอีก 19 แห่ง เป็นขุมพลังที่พร้อมตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเต็มสูบ

ตลาดเป้าหมายต่อไป คือการทำให้กลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา ต่อยอดจากเวียดนาม หรือ CLMV เป็นฐานทัพที่สร้างการเติบโตยิ่งขึ้น สเต็ปต่อไปจะเห็นการรุกคืบเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งยังคงป้อนสินค้าพระเอกเบนโตะ เข้าไปทำตลาด มีตัวแทนจำหน่ายโดยเฉพาะ และเจรจาพันธมิตรเพื่อบุกตลาดเครื่องดื่มตีคู่กันไปด้วย

ตลาดต่างประเทศ ขุมทรัพย์สปีดโต ‘ศรีนานาพรฯ’ ปักธงรีจินัลแบรนด์ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดตอกย้ำฐานะผู้นำตลาดที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ อินโดนีเซีย เป็นอีกขุมทรัพย์แห่งโอกาส เพราะมีประชากรมหาศาล ที่ขาดไม่ได้คือ “จีน” ต้องปักธงเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ชิมลางนำ “เบนโตะ” ไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งทีมอล(Tmall) ฯ และยังหาพันธมิตรใน 3 มณฑล นำสินค้าไปปูพรมทำตลาดด้วย การนำร่องสินค้าดังกล่าวเพราะ “เบนโตะ” คือ 1 ในสแน็คยอดฮิต 5 อันดับแรกที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมซื้อเป็นของฝาก ที่ผ่านมายังมีศิลปินระดับโลกซื้อไปรับประทานและโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ สร้างการรับรู้แบรนด์และสินค้า

“แผน 5 ปี เราต้องการดับเบิลยอดขายให้แตะ 8,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าอาจจะสปีดได้เร็วขึ้น หรือใช้เวลาประมาณ 4ปีครึ่ง โดยการลุยตลาดต่างประเทศเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ”

นอกจากมีฐานทัพธุรกิจในต่างประเทศ การส่งสินค้าไปทำตลาดยังขยายมากขึ้น ปัจจุบันมีกว่า 35 ประเทศทั่วโลก จากแผนดังกล่าวบริษัทยังคาดการณ์สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะอยู่ที่ 40% จากเดิมอยู่ที่ 25% และในประเทศอยู่ที่ 75%

“แบรนด์สินค้าของเรามีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือเทรด มาร์กไว้เกือบทั่วโลก เพื่อนำแบรนด์ไปเจาะตลาด”

ส่วนตลาดในประเทศ ซึ่งยังเป็นสัดส่วนใหญ่ที่ทำเงินในเวลานี้ หมากรบปี 2566 สแน็กเบนโตะ ขนมขาไก่โลตัส และเครื่องดื่มเมจิกฟาร์ม ฯ ยังคงเดินหน้าออกสินค้ารสชาติใหม่ เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอ และสร้างสีสันตอบเทรนด์ความต้องการตลาดและผู้บริโภค

ทว่า ล่าสุดขอเขย่าตลาด ต่อยอดแบรนด์ “เมจิก ฟาร์ม” สู่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมสารสกัดใบกระท่อม กลิ่นชามะนาว เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายชนชั้นแรงงาน(Blue Collar) หรือเป็นการเข้าแทรกตัวไปชิงตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

ตลาดต่างประเทศ ขุมทรัพย์สปีดโต ‘ศรีนานาพรฯ’ ปักธงรีจินัลแบรนด์

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมสารสกัดใบกระท่อม กลิ่นชามะนาว

“เป้าหมายเราต้องการสร้างยอดขาย 10 ล้านบาทต่อเดือน และภายใน 3 ปีต้องการมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 5%”

ปลายปี 2566 จะเห็นสินค้าใหม่เสริมทัพเพิ่มในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มเยลลี่ เนื่องจากตลาดดังกล่าวทำแล้วช่วยเพิ่มมูลค่า และเป็นตลาดใหญ่ อีกทั้งบริษัทมีความพร้อมของโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเป็นทุนเดิม ส่วนแบรนด์ยังอยู่ระหว่างพิจารณาจะใช้แบรนด์เดิมในพอร์ตหรือสร้างแบรนด์ใหม่

เรายังมุ่งมั่นผลักดันสแน็กแบรนด์ไทยให้ก้าวสู่การเป็นรีจินัล ซึ่งหมายถึงยอดขาย ส่วนแบ่งทางการตลาดของแบรนด์ต้องมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ มีตัวแทนจำหน่าย กระจายสินค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่ตลาดในประเทศเราจะไม่จำกัดการเติบโตแค่สแน็กกลุ่มปลาหมึกอบ ปลาเส้นฯ ภายใต้แบรนด์เบนโตะ แต่มองโอกาสตลาดสแน็กโดยรวม”

สำหรับศรีนานาพร ฯมีรายได้จากสินค้ากลุ่มสแน็ก 55% และเครื่องดื่ม 45% โดยสแน็กเบนโตะ ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 72.4% ส่วนเจเล่ มีส่วนแบ่งตลาด 78%ในตลาดเยลลี่พร้อมดื่มมูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นต้น