นักสร้างแบรนด์แนะ 'อนันดา' ควรทำแผนเยียวยา ความรู้สึกลูกบ้านโดยเร็วที่สุด

เป็นข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่ทุกภาคส่วนในวงการตลาดธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์กำลังจับตากับ กรณีของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง “คอนโดมิเนียมหรู แอชตัน อโศก” โดยในมุมมองจากฝั่งของการตลาดและการสร้างแบรนด์ ก็มีคำแนะนำที่น่าสนใจเช่นกัน

ผศ.ดร.บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และการสื่อสารการตลาด กล่าวว่า จากกรณีของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วกับ “คอนโดหรู แอชตัน อโศก” ว่า ในกรณีนี้ถือเป็น Crisis management ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทโดยตรง แนวทางคือการจัดทำแผนระยะสั้นและแผนระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด

แผนระยะสั้นคือ การให้ข้อมูลที่เป็นความจริงและถูกต้องแก่ลูกบ้าน รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม เพื่อป้องกันปัญหาข่าวลวง (fake news) ที่อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความจริง และยังแสดงถึงความจริงใจของบริษัทอีกด้วย เพราะท่ามกลางความตกใจ กังวล และไม่มั่นคงทางความรู้สึก การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายจะมีคุณค่า ลดแรงปะทะ ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ถือเป็นหนึ่งในบริการหลังการขายที่บริษัทต้องรับผิดชอบและดูแลลูกค้า พร้อมกันนี้ต้องมีการสื่อสารภายในองค์กรที่ชัดเจนแก่พนักงาน เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน

“ในตอนนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากสุดและกำลังตกใจคือลูกบ้านที่ซื้อโครงการไป หรือคนที่เข้ามาเช่าอยู่ในโครงการ โดยลูกค้าที่ซื้อไปบางส่วนก็ยังต้องผ่อนสินเชื่อกับธนาคารอยู่  ดังนั้น ในระยะยาวหากมีการทำแผนรีไฟแนนซ์ บริษัทควรหาแนวทางทำให้ขั้นตอนการพูดคุยกับธนาคารมีความสะดวกขึ้น หรืออีกด้านหากลูกบ้านต้องมีการฟ้องร้องกัน บริษัทต้องมีแนวทางช่วยเหลือลูกบ้านในเรื่องนี้ให้ชัดเจน เป็นเรื่องที่ควรดำเนินการเป็นลำดับต้นๆ สิ่งสำคัญคือการจัดการวิกฤตแบบมืออาชีพและรับผิดชอบอย่างตรงไปตรงมา”

ผศ.ดร.บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

หลังจากนั้น สเต็ปต่อไป บริษัท อนันดาฯ ค่อยดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้ที่ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ บริษัท อนันดาฯ ควรออกมาตรการโดยเร็วที่สุด เพื่อแสดงถึงความจริงใจและความรับผิดชอบต่อลูกบ้าน เพราะผลกระทบระยะสั้นจากกรณีนี้ ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจ อาจส่งผลตามมาต่อความเชื่อมั่นและชื่อเสียงแบรนด์ในระยะยาวได้