‘กีโต้-แกมโบล’ รองเท้าแบรนด์ไทย ฝันไกลสู่ระดับโลก

‘กีโต้-แกมโบล’  รองเท้าแบรนด์ไทย ฝันไกลสู่ระดับโลก

เมื่อ 5 ครอบครัวตระกูล "กิจกำจาย" ช่วยกันสร้าง 2 แบรนด์รองเท้าแตะสัญชาติไทยจนเติโตหลายทศวรรษ ตอนนี้ ต่างมีแนวทางบริหาร ปูทางสู่แบรนด์ระดับโลก จับตา "กีโต้-แกมโบล" จะไปถึงดวงดาวไหม

ตลาดรองเท้าแตะลำลองในไทยถูกประเมินมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท สินค้าแถวหน้าล้วนมีแบรนด์ไทยทำตลาดอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็เจอโจทย์ท้าทาย จากแบรนด์ “จีน” เข้ามาแข่งขันแบบดัมพ์ราคากันสุดๆ

2 แบรนด์ไทยที่มาจาก 1 ตระกูลอย่าง “กีโต้-แกมโบล” ยืนหยัดในตลาดมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ทว่า ย้อนเส้นทางของ 2 แบรนด์ ถูกปลุกปั้นจากตระกูล “กิจกำจาย” โดยมี “สมพงษ์ กิจกำจาย” หนึ่งใน 7 พี่น้อง ที่มีส่วนสำคัญสร้างประวัติศาสตร์บนเส้นทางธุรกิจให้กับตนเองและครอบครัว

ด้วยฝีมือคนไทย ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบ และดีไซน์รองเท้า ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ ไม่แค่ตลาดในไทย แต่เติบโตไปอีกกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

  • 5 ครอบครัวเคลื่อน “กีโต้-แกมโบล”

“กีโต้” ออกสู่ตลาดในปี 2535 เมื่อพี่น้องมีหลายคน และการมีแบรนด์เดียว ไม่เพียงพอ ทำให้การสร้างอาณาจักรรองเท้า และขยายไลน์ เพิ่มพอร์ตโฟลิโอให้กิจการครอบครัวจึงเกิดขึ้น ภายใต้แบรนด์ “แกมโบล” เข้ามาเสริมทัพในปี 2546

‘กีโต้-แกมโบล’  รองเท้าแบรนด์ไทย ฝันไกลสู่ระดับโลก

นิติ กิจกำจาย

ก้าวสู่ปีที่ 21 “แกมโบล” วางยุทธศาสตร์โต มุ่งขยายตลาดต่างประเทศ หวังพาแบรนด์ไทยไปปักหมุดให้คนทั่วโลกรับรู้มากขึ้น

นิติ กิจกำจาย กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ “แกมโบล” (GAMBOL) เล่าว่า แบรนด์รองเท้ากีโต้ และแกมโบล ถือเป็นกิจการครอบครัว “กิจกำจาย” ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ครอบครัว(เนื่องจากพี่สาว 2 คนแต่งงานออกไป)ช่วยกันบริหาร วางแนวทางการขับเคลื่อนที่แตกต่างกันไป แต่เบื้องหลัง ยังมีการหารือกันพร้อมหน้าพร้อมตา ประหนึ่งดุจมีกรรมการครอบครัวหรือบอร์ดครอบครัว

“เราแบ่งหน้าที่การทำงานว่าใครดูแลฝั่งหรือแบรนด์ไหน แต่การตัดสินใจยังขึ้นอยู่กับครอบครัวทั้งหมด”

ปัจจุบันเจนเนอเรชั่นแรก หรือรุ่นผู้บุกเบิกก่อตั้งธุรกิจยังทำหน้าที่บริหารงานกันเต็มที่ และเริ่มมีเจนที่ 2 เข้ามาเรียนรู้ ซึมซับกิจการครอบครัว ซึ่งหากรวมทั้ง 2 รุ่น ครอบครัว “กิจกำจาย” มีทายาทรวมมากกว่า 30 ชีวิต

  • แกมโบล ผลิตรองเท้าแตะ EVA มากสุดใน APAC

ภายใต้บริษัท บิ๊กสตาร์ นอกจากมีรองเท้าแตะที่เติบโตต่อเนื่อง ในฐานะ “ผู้ผลิต” ยังเป็นเบอร์ 1 ที่ผลิตรองเท้าแตะ EVA หรือวัสดุที่มีความเหนียว ทนทาน มากสุดในเอเชียแปซิฟิก(APAC) ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 40,000 คู่ต่อวัน หรือใช้กำลังการผลิต 80% ยังมีกำลังผลิตยืดหยุ่นรองรับช่วงไฮ-โลวซีซั่นของการจำหน่ายรองเท้าด้วย

นอกจากรองเท้าแตะ EVA แกมโบลที่เป็นไอคอนิกของแบรนด์ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดี ปัจจุบันบริษัทยังแตกไลน์สินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งพระรองที่โดดเด่นคือรองเท้าแตะที่ผลิตจากไฟล่อน และที่เป็น “ตำนาน” ต่อยอดจากแบรนด์ “กีโต้” ของครอบครัวคือการทำรองเท้าแตะสลับสี DUO และมีรองเท้าทรงคล้ายกับรองเท้าผ้าใบหรือ Slip-on เป็นต้น

“บริษัทเรายังคงเป็นผู้ผลิตรองเท้าแตะลำลอง EVA มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

  • แผนโตต่างประเทศ ปั้นสู่ Global Brand

20 ปีของแกมโบล สร้างยอดขายระดับ “พันล้านบาท” เรียบร้อยแล้ว การเติบโตอาจมากกว่านี้ แต่เพราะวิกฤติโควิด-19 ระบาด ทำให้บริษัทสะดุดเฉกเช่นหลายธุรกิจ

ก้าวสู่ปีที่ 21 ของแกมโบล นอกจากเติบโตในประเทศ เพื่อรักษาตำแหน่งผู้เล่น “แถวหน้า” เอาไว้อย่างเหนียวแน่น "ต่างประเทศ" เป็นอีกหมุดหมายที่บริษัทจะนำแบรนด์ไทยไปปัก โดยจะมุ่ง “ตะวันออกกลาง” มากขึ้น ต่อจากฐานตลาดกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนามหรือ CLMV รวมๆแล้ว 7-8 ประเทศที่ต้องการขยายเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

“รัสเซีย-ยูเครน” เป็นอีกตลาดที่แกมโบลไปบุก ทว่า “สงคราม” ความขัดแย้งของ 2 ประเทศ ทำให้ตลาดต้องสะดุดไป อย่างพันธมิตรคู่ค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในยูเครน “คลังสินค้า” ถูกระเบิดถล่มย่อยยับ จึงทำได้เพียงเห็นใจพันธมิตรอย่างยิ่ง

“เราจะก้าวออกจากตลาดในประเทศไทยไปสู่ตลาดโลก แม้แบรนด์ยังไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ต้องทยอยทำตลาด หา Insight ของลูกค้า ศึกษาตลาดไปเรื่อยๆ”

ทั้งนี้ ตามแผนที่วางไว้ บริษัทกำหนดปี 2570 ในการก้าวสู่แบรนด์รองเท้าระดับนานาชาติ ส่วนปี 2568 จะพัฒนาเป็นแบรนด์รองเท้าชั้นนำในอาเซียน

‘กีโต้-แกมโบล’  รองเท้าแบรนด์ไทย ฝันไกลสู่ระดับโลก

  • ดึง “ลิเวอร์พูล” ปรับภาพลักษณ์แบรนด์

ช่วง 3 ปีที่เผชิญโควิด ไม่เพียงตลาดและยอดขายหดตัว แต่แบรนด์เองก็ซบเซา เพราะผู้คนไม่ออกจากบ้าน การเดินทางไม่เกิดขึ้น ล้วนส่งผลต่อตลาดรองเท้า อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้บริษัทเดินหน้า Revamp Brand หรือปรับภาพลักษณ์ให้กับรองเท้า “แกมโบล” ด้วยการพึ่งพลังสโมสรฟุตบอลดังใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ “ลิเวอร์พูล” มาสร้างสีสัน

การ Collarboration กับลิเวอร์พูล มีระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี โดยเฟสแรกสินค้าถูกนำเสนอสู่ตลาดแล้ว และเฟส 2 จะเห็นคอลเล็กชั่นและกิจกรรมการตลาดช่วงเดือนกันยายน 2566

นอกจากเอาใจคอกีฬา บริษัทยังขยายตลาดรองเท้สสู่กลุ่มวิ่ง รองเท้าผู้สูงอายุ รองเท้าเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะมีเวอร์ชั่นคู่ระหว่าง “ทาส” กับสัตว์เลี้ยงนั่นเอง

แผนดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าจะผลักดันยอดขายปี 2566 แตะ 1,300 ล้านบาท หรือเติบโตราว 30% จากปี 2565 มียอดขาย 1,042 ล้านบาท