เปิดธุรกิจ ‘Getty Images’ คลังซื้อขายภาพออนไลน์ระดับโลก

เปิดธุรกิจ ‘Getty Images’ คลังซื้อขายภาพออนไลน์ระดับโลก

ชื่อของ “Getty Images” ไม่ได้เป็นที่รู้จักในเฉพาะแวดวงครีเอเตอร์ที่ต้องโหลดภาพถ่ายจากคลังของ Getty มาใช้ผลิตคอนเทนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักของเหล่าบรรดาเซเลบอีกด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งในคลังภาพที่มีภาพคนดังระดับโลกเป็นจำนวนมาก

Key Points:

  • Getty Images ถือเป็นหนึ่งในคลังภาพเพื่อการซื้อขายออนไลน์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สร้างรายได้สุทธิมากถึง 236 ล้านดอลลาร์
  • แม้ว่าจุดเริ่มต้นของผู้ก่อตั้งจะไม่ได้ชื่นชอบธุรกิจนี้เท่าไรนัก แต่พวกเขาเชื่อว่าการที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีส่วนร่วมกับคนมากขึ้นจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้
  • ปัจจุบัน Getty Images ไม่ได้ขายแค่ภาพถ่ายเท่านั้น แต่ยังขายสินค้าอื่นๆ  ด้วย ได้แก่ วิดีโอและเพลง ซึ่งไฟล์ที่มีความคมชัดที่สุดมีราคาอยู่ที่ 15,000 บาท ต่อหนึ่งไฟล์

หากพูดถึงคลังซื้อขายภาพออนไลน์ หรือภาพสต็อกชื่อดังที่ได้รับความนิยมกันในหมู่ครีเอเตอร์นั้น ในปัจจุบันมีหลากหลายเว็บไซต์ให้เลือกให้ใช้ตามความชอบและความเหมาะสมกับงาน ไม่ว่าจะเป็น Shutterstock, Freepix, Pixabay หรือ Getty Images เป็นต้น ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้ฟรีได้ในช่วงแรกและหากต้องการใช้งานต่อก็เพียงแค่สมัครสมาชิกแล้วจ่ายเงินเป็นรายเดือน โดยบางคนมองว่าเป็นความคุ้มค่าในการลงทุนเพื่อการทำงาน เพราะไม่จำเป็นต้องไปถ่ายภาพเอง หรือวาดภาพขึ้นมาใหม่

ไม่ใช่แค่วงการออกแบบและวงการครีเอเตอร์เท่านั้น แต่วงการบันเทิงเองก็ให้ความสนใจกับคลังภาพออนไลน์เช่นกัน เนื่องจากเวลาศิลปินไปเดินพรมแดง ออกงานสังคม หรือเดินสายโปรโมตผลงานนั้น แน่นอนว่าทุกคนย่อมอยากได้ภาพของตัวเองที่ดูดีที่สุดในมุมมองต่างๆ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจ้างช่างภาพหลายคนเพื่อมาติดตามถ่ายภาพศิลปินคนเดียวได้ตลอด เนื่องจากบางงานมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้มีพื้นที่สำหรับสื่อจำกัด ดังนั้นการซื้อภาพจากคลังภาพออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหล่าเซเลบริตี้หลายคนในความสนใจ เนื่องจากสามารถเลือกภาพได้หลากหลาย โดยหนึ่งในคลังภาพที่ได้รับความนิยมก็คือ “Getty Images

  • คลังภาพออนไลน์คืออะไร ทำไมจึงได้รับความนิยม?

สำหรับคลังภาพออนไลน์หรือที่เรียกกันว่า Stock Photo เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนสินค้าที่มาในลักษณะของ “ภาพถ่าย” โดยช่างภาพจะอัปโหลดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มารวมกันไว้ในที่เดียว เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกดาวน์โหลดภาพเหล่านั้นไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ สาเหตุที่ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมีความสะดวกสบาย สามารถเลือกรูปจากช่างภาพฝีมือดีได้จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ต้องลงทุนออกไปถ่ายภาพเองหรือจ้างช่างภาพในราคาสูงบ่อยๆ เพียงแค่เลือกซื้อรูปผ่านเว็บไซต์ก็สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีโดยที่ไม่ติดลิขสิทธิ์ และที่สำคัญทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าภาพที่เลือกมาใช้งานจะไม่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าลิขสิทธิ์ในภายหลังเนื่องจากผ่านการซื้อขายที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว

ไม่ใช่แค่ช่างภาพมืออาชีพเท่านั้น แต่บางเว็บไซต์ก็เปิดโอกาสให้ช่างภาพมือสมัครเล่นหรือนักเรียนนักศึกษาที่มีความสนใจในการถ่ายภาพ สามารถลงขายภาพที่ตนเองถ่ายมาได้เช่นกัน ทำให้ปัจจุบันธุรกิจคลังภาพออนไลน์จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งทางฝั่งของผู้ซื้อและฝั่งผู้ขาย แต่ถ้าพูดถึงเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานก็คงหนีไม่พ้น Getty Images คลังภาพออนไลน์สัญชาติอังกฤษ-อเมริกัน ที่อยู่ในวงการนี้มายาวนานถึง 28 ปี

  • Getty Images กับจุดเริ่มต้นของวงการคลังภาพออนไลน์

หากย้อนไปเมื่อปี 1995 ซึ่งเป็นยุคเริ่มแรกที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนทั่วโลก จึงเป็นการจุดประกายให้ Mark Getty และ Jonathan Klein ได้ร่วมกันก่อตั้ง “Getty Images” ขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจภาพถ่ายสต็อก แม้ว่าในตอนแรกพวกเขาทั้งคู่จะไม่ได้รู้สึกชื่นชอบธุรกิจนี้สักเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ยังไม่มีความถนัด แต่พวกเขามองว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในโลกอินเทอร์เน็ตจะทำให้ธุรกิจนี้สามารถเติบโตได้ต่อไปในอนาคต

เมื่อทั้งสองคนมองเห็นโอกาสในอนาคตแล้ว จึงได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทสัญชาติอังกฤษ-อเมริกัน ขึ้นมาที่ใจกลางกรุงลอนดอน ในช่วงแรกพวกเขาใช้วิธีเก็บภาพสต็อกโดยการซื้อจากช่างภาพโดยตรง และนำไปขายให้กับใครก็ตามที่ต้องการใช้ภาพเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับเว็บไซต์หรือสิ่งพิมพ์ โดยภาพทั้งหมดจะถูกขายภายใต้ชื่อ Getty Images

สิ่งที่ทำให้ Getty Images กลายเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ตัวกลางสำหรับซื้อขายภาพที่ใหญ่ที่สุดในตลาด เนื่องจากหลังจากที่เปิดบริษัทแล้ว พวกเขาใช้เวลาหลายปีในการซื้อกิจการบริษัทภาพถ่ายอื่นๆ กว่า 100 แห่ง เข้ามารวมกันและควบรวมเข้ากับ Getty Images ในที่สุด

  • ความสำเร็จในเวลา 28 ปี ของ Getty Images

ต่อมาธุรกิจคลังภาพออนไลน์เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้บริการมองว่าเป็นช่องทางการค้นหาภาพมาใช้งานได้สะดวก ง่าย และรวดเร็ว ทำให้กิจการของ Getty Images ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงปี 2006 พวกเขาตัดสินใจซื้อกิจการ iStockphoto และ Corbis Corbis ของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกอย่าง “Bill Gates” ส่งผลให้กิจการของพวกเขามีมูลค่าสูงขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมา

เนื่องจากธุรกิจ Getty Images เติบโตขึ้นจนเห็นได้ชัด จึงทำให้ในปี 2008 บริษัท Hellman & Friedman หนึ่งในบริษัทการลงทุนชื่อดังของอเมริกาให้ความสนใจเข้าซื้อ Getty Images และขายต่อให้กับบริษัทตราสารทุนอย่าง Carlyle Group แต่เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ทางครอบครัว Getty ได้ตัดสินใจซื้อบริษัทคืนมาจาก Carlyle Group ในมูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์

โดยในช่วงนั้นภาพทั้งหมดในคลังของ Getty Images มีอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านภาพ ส่งผลให้การซื้อขายภาพในคลังออนไลน์เป็นไปอย่างคึกคัก จนสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณพันล้านดอลลาร์ต่อปี แต่พวกเขายังไม่หยุดแค่นั้น เพราะต่อมาก็ได้มีการร่วมกับบริษัทคู่ค้าคนสำคัญอย่าง Visual China Group ของจีนอีกด้วย

ไม่ใช่แค่ภาพถ่ายทั่วไปเท่านั้น แต่บรรดาภาพที่ได้รับความนิยมและเรียกได้ว่าเป็นจุดขายของ “Getty Images” ก็คือภาพเหตุการณ์สำคัญที่ใช้เพื่อประกอบการรายงานข่าวและภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มักได้รับการซื้อไปเพื่อประกอบงานเขียนของนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง

ปัจจุบันแม้ว่าจะมีคนหันมาทำธุรกิจซื้อขายภาพออนไลน์กันมากขึ้น แต่ชื่อของ Getty Images ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากมีภาพให้เลือกหลากหลายหมวดหมู่ มีช่างภาพฝีมือดีให้ความสนใจเข้ามาขายภาพเป็นจำนวนมาก และมีการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายให้ลูกค้าเข้าถึงการใช้งานได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยมีการนำสินค้าใหม่ๆ มาขายด้วย อย่างเช่น วิดีโอ และ เพลง

นอกจากนี้ Getty Images ยังเป็นหนึ่งในบริษัทขายภาพออนไลน์ที่มีราคาสูงกว่าเจ้าอื่นๆ ในท้องตลาด โดยไฟล์ภาพที่มีความคมชัดสูงเป็นพิเศษ สามารถขายได้ในราคาประมาณภาพละ 15,000 บาท โดยรายงานจาก macrotrends ระบุว่าเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 926 ดอลลาร์ และมีรายได้สุทธิไตรมาสแรก (31 มี.ค. 2023) มากถึง 236 ล้านดอลลาร์

อ้างอิงข้อมูล : macrotrends และ medium