‘Wall Street’ จ่ายเงินเด็กฝึกงาน เฉียด ‘7 แสน’ หลังกระแส ‘Layoff’ ฮึ่ม

‘Wall Street’ จ่ายเงินเด็กฝึกงาน เฉียด ‘7 แสน’  หลังกระแส ‘Layoff’ ฮึ่ม

คนอื่นปลดแต่นี่จ่ายเพิ่ม! “Wall Street” ใจป้ำ ทุ่มจ่ายค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงานสูงสุดเฉียด 20,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 700,000 บาทต่อเดือน ชี้ เป็นการเรียกความเชื่อมั่น-ดึงคนรุ่นใหม่เข้าระบบ หลังกระแสปลดคนทำเด็กจบใหม่โอดเงินน้อย-ปลดคนบ่อย

ไม่นานมานี้  “Levels.fyi” เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลฐานเงินเดือนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการเงินการลงทุน สหรัฐอเมริกา รายงานว่า ค่าตอบแทนที่นักศึกษาฝึกงานได้รับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 19 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการเงินและการลงทุนอย่างบริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์และบริษัทเทรดดิ้งซึ่งมีสัดส่วน “ค่าจ้างรายชั่วโมง” เพิ่มขึ้น 29 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ย 110 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง หรือราว 4,400 ดอลลาร์ โดยนักศึกษาฝึกงานเหล่านี้จะทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง

“ซิทาเดล” (Citadel) เฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกา จ่ายค่าจ้างเฉลี่ยให้นักศึกษาฝึกงานเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 120 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะมีชั่วโมงการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พวกเขาจะได้รับค่าจ้างถึง 19,200 ดอลลาร์ หรือ 674,000 บาทต่อเดือน (ตัวเลขก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตกใจสำหรับตลาดฝึกงานใน Wall Street ณ ขณะนี้ 

‘Wall Street’ จ่ายเงินเด็กฝึกงาน เฉียด ‘7 แสน’  หลังกระแส ‘Layoff’ ฮึ่ม

แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมของตลาดแรงงานในสหรัฐจะไม่สู้ดีนัก ธนาคารรายใหญ่หลายแห่งปรับลดเงินเดือนและเงินโบนัสลง แต่ก็ยังคงมีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาที่ Wall Street จำนวนมาก สำหรับผู้ที่มีความสามารถสูงพบว่า บริษัทการเงินหลายแห่งเลือกที่จะจ่ายเพิ่มให้กับนักศึกษาฝึกงานที่ดูมีแววจะไปได้สวย ด้วยเหตุผลในการดึงคนรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบ เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่รู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังกับกระแสปลดคนในระยะหลัง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมด้วย

ผู้บริหาร “Levels.fyi” มองว่า เหตุผลอีกประการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ตัดสินใจอัดฉีด-เพิ่มค่าตอบแทนให้คนรุ่นใหม่ เป็นเพราะองค์กรเหล่านี้เน้นการทำงานจากออฟฟิศมากกว่าการทำงานจากที่บ้าน (Work from home) ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่กำลังเป็นประเด็นร้อนสำหรับหลายๆ องค์กรในการเรียกพนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เขามองว่า การเพิ่มค่าตอบแทนจะช่วยให้ปัญหานี้หมดไป

อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนนักศึกษาฝึกงานอาจแตกต่างกันไปตามความสามารถและหน้าที่ที่ได้รับ ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาที่ทำงานใน “Investment Banking” หรือ “วานิชธนกิจ” ที่ปรึกษาการเงินการลงทุนให้กับกลุ่มธุรกิจ หนึ่งในสายงานด้านการเงินที่สำคัญที่สุดจะได้รับค่าตอบแทนรายปีเฉลี่ย 110,000 ดอลลาร์ หรือ 3,862,000 บาท ด้าน “ซิตี้ กรุ๊ป” (Citi Group) จ่ายค่าจ้างที่ 50 ดอลลาร์ หรือ 1,755 บาทต่อชั่วโมง ส่วน “Bank of America” เสนอที่ 41 ดอลลาร์ หรือ 1,440 บาทต่อชั่วโมง ขณะที่ฝั่ง “Big Tech” อย่าง “Apple” จ่ายที่ 46 ดอลลาร์ หรือ 1,600 บาทต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ บริษัทด้านการเงินการลงทุนใน “Wall Street” ยังทุ่มสวัสดิการอื่นๆ ให้กับนักศึกษาฝึกงานไม่ต่างกับพนักงานประจำ ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ สวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยของบริษัท รวมถึงเงินโบนัส ทำให้อัตราการสมัครเข้าฝึกงานในบริษัทการเงินเหล่านี้เพิ่มขึ้นทุกปี 

หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กรระดับโลกมองว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่า นักศึกษาเหล่านี้กำลังมองหาโอกาสสำคัญและความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งองค์กรใน Wall Street มีในสิ่งที่เขาพวกกำลังมองหา