ดัชนีค้าปลีกไตรมาสสอง ‘น่ากังวล’ หวังรัฐบาลใหม่ ออกนโยบายปลุก ศก.

ดัชนีค้าปลีกไตรมาสสอง ‘น่ากังวล’ หวังรัฐบาลใหม่ ออกนโยบายปลุก ศก.

‘สมาคมผู้ค้าปลีกไทย’ เปิดผลสำรวจดัชนีค้าปลีกไตรมาสสองยังหดตัว ปัจจัยกระทบ กำลังซื้อ หวังรัฐบาลใหม่เป็นฮีโร่ ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้หากออกนโยบายปรับขึ้นค่าแรง ต้องจ้างแรงงานชั่วคราวเพิ่ม-ขอดูแลเรื่องภาษี ส่วนราคาสินค้ามีโอกาสปรับขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า “ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ (Retail Sentiment Index – RSI) ในภาพรวมพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ หรือ RSI ในไตรมาสสอง 2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่ง 2566 มีความ “น่ากังวล” เนื่องจากลดลงมาที่ 47 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุดทุกองค์ประกอบครั้งแรก ในรอบ 15 เดือน

สำหรับดัชนีที่ปรับลดลง มีทั้งยอดขายสาขาเดิม ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง และความถี่ในการจับจ่าย แสดงถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคฐานรากยังอ่อนแอ รวมถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าโดยสาร ส่งผลให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น อีกทั้งยังไม่มีมาตรการใหม่จากรัฐร่วมกระตุ้นการจับจ่าย

“เมื่อประเมินการลดลงของดัชนีตามภูมิภาคต่างๆ แสดงถึงภาคธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว แม้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 12.4 ล้านคนก็ตาม”

หากจำแนกตามประเภทร้านค้า พบว่าความเชื่อมั่นปรับลดลงทุกประเภทร้านค้าทั้งร้านค้าส่ง และ ไฮเปอร์มาร์เก็ตยังคงไม่ฟื้นตัว แต่กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ ผู้บริโภคยังคงเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรวมทั้งสินค้าที่มีการจัดโปรโมชั่น เพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว

ดัชนีค้าปลีกไตรมาสสอง ‘น่ากังวล’ หวังรัฐบาลใหม่ ออกนโยบายปลุก ศก.

ทั้งหมดสะท้อนถึงภาพรวมค้าปลีกครึ่งปีแรกยังไม่สดใส อีกทั้งภาคธุรกิจต้องประสบปัญหากับต้นทุนสูงจากพลังงาน ค่าสาธารณูปโภค และอื่นๆ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคมีความอ่อนแอ

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้สมาคมฯ มีข้อนำเสนอ “ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ชุดใหม่” ใน 3 ประเด็นหลักได้แก่

  • สนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วและราบรื่นเพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า
  • จัดสรรงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ ด้วยการมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นกลุ่มเป้าหมาย ที่ไม่ซับซ้อน ควรเพิ่มกำลังซื้อกลุ่มฐานรากและเพิ่มการใช้จ่ายในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งลดขั้นตอนให้เข้าถึงสะดวก
  • ส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ต่างชาติและคนไทยท่องเที่ยวเมืองไทย เช่น ขยายเวลา Visa on Arrival ให้ต่างชาติพำนักในไทยได้นานขึ้น เพิ่มความถี่เที่ยวบินมาไทย และเพิ่มความเชื่อมั่นความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาไทย 

ดัชนีค้าปลีกไตรมาสสอง ‘น่ากังวล’ หวังรัฐบาลใหม่ ออกนโยบายปลุก ศก. ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย

อีกทั้งยังมีการสำรวจฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกของผู้ประกอบการ ในประเด็นต่างๆ ทั้งการปรับตัวของธุรกิจหากมีการปรับขึ้นค่าแรง โดยผู้ประกอบการเตรียมแผนงานไว้หลากหลาย ทั้ง 63% จ้างพนักงานชั่วคราวเพิ่มขึ้น 61% เพิ่มทักษะและหน้าที่ของพนักงาน, 59% ลดต้นทุนที่ไม่ใช่ค่าแรง 48% ขึ้นราคาสินค้า, 22% ชะลอการลงทุน, 22% ใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงาน, 15% ปรับสวัสดิการมารวมเป็นค่าจ้าง และ 13% เลิกจ้างพนักงานบางส่วน

สำหรับมาตรการให้ผู้ประกอบการหากปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ผู้ประกอบการอยากให้มีมาตรการทางภาษีมาดูแลมากที่สุด โดย 78% สนับสนุนมาตรการทางภาษี เช่น ลดภาษีนิติบุคคล หรือนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น 63% ทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นขั้นบันได และ 59% ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ

ส่วนการคาดการณ์การปรับราคาสินค้าใน 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ผู้ประกอบการยังมีการปรับขึ้นราคา โดย 48% จะปรับราคาสินค้าแต่ไม่เกิน 5%, 22% จะยังไม่ปรับราคาสินค้า, 17% จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 6-10% และ 9% จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 11-15 %

“สมาคมผู้ค้าปลีกไทยขอส่งสัญญาณถึงรัฐบาลใหม่ชุดใหม่ที่มีความตั้งใจจะเข้ามาบริหารประเทศ ควรออกนโนบายและมาตรการทางเศรษฐกิจที่จะมาพลิกฟื้นความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการและกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคัก โดยสมาคมฯ มีความพร้อมและมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างมีเอกภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเข้มแข็ง”

สำหรับผลการสำรวจดัชนี RSI ในระยะ 3 เดือนข้างหน้า (ก.ค.-ก.ย.) คาดว่าจะยังทรงตัว เนื่องจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์หลังจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ ที่อาจส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคค้าปลีกในครั้งนี้มาจาก สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย จัดทำขึ้นมา