ถอดรหัสพันธกิจ B+ESG ของ 'ทีทีบี' เส้นทางมุ่งสู่ 'การธนาคารเพื่อความยั่งยืน'
ถอดรหัส B+ESG ของ "ทีทีบี" มุ่งเดินหน้าผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน ตอกย้ำเส้นทางความสำเร็จสู่ "การธนาคารเพื่อความยั่งยืน"
ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารฯ ที่มุ่งสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืนว่า คำว่ายั่งยืนของทีทีบีนั้น ไม่ใช่แค่เรื่อง ESG อย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจาก B หรือ Business Sustainability และเป็น in process โดยสิ่งที่เราทำในทุกวันจะต้องยั่งยืน ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ที่โลกมีกติกาใหม่เกิดขึ้น แต่ต้องเป็นรากฐานในการวางกลยุทธ์ทั่วทั้งองค์กร ดังนั้นเราจึงขยายถึงคำว่า B คือความยั่งยืนของธุรกิจต้องมาเป็นสิ่งแรก และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ปิติ เล่าย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นว่า ธนาคารฯ อยากจะทำสิ่งที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ภายใต้แนวคิด "The Bank of Financial Well-being" ถือเป็นก้าวแรกของการเป็นธนาคารที่ดีให้กับสังคม ช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น (Financial Well-being) ทั้งในส่วนลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ 
"ทีทีบี หรือ ทีเอ็มบีธนชาต เรามองว่าเรื่องการสร้างความยั่งยืน หรือ Sustainability เป็นอีกหน้าที่ของธนาคารฯ ที่จะต้องช่วยสนับสนุนทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และสังคม ให้สามารถดำเนินชีวิตหรือธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ซึ่งธุรกิจธนาคารฯ จะอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ฝากเงิน คนกู้เงิน คู่ค้า และลูกค้า ดังนั้นธนาคารฯ ต้องเป็นแกนกลางสนับสนุน หรือ Empower ให้คู่ค้า ลูกค้า รวมถึงพันธมิตร เพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกันก่อน จากนั้นจึงขยายต่อความยั่งยืนไปสู่สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง"
โดยทุกกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารฯ จะอยู่บนพื้นฐานของการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกคนของธนาคารฯ
ปิติ กล่าวต่อไปว่า ตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจ ทีทีบี ได้เดินหน้าสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับคนไทย และช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าของธนาคารฯ สามารถเดินหน้าต่อไปได้แม้ยามวิกฤติ ผ่านการสร้าง Ecosystem จาก 3 จุดแข็งคือ รถ - บ้าน - มนุษย์เงินเดือน
โดยมีบัญชี all free ที่มอบฟรีประกันอุบัติเหตุและชีวิตให้กับลูกค้าบุคคล ควบคู่ไปกับการช่วยลดภาระดอกเบี้ยสูงให้ลูกหนี้ผ่านการรวบหนี้รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน ttb touch เป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้คนไทยจัดการเรื่องสำคัญของชีวิตได้อย่างครบวงจร
ส่วนการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจนั้น ทีทีบีได้เปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ "รถโดนใจ" เพื่อช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเต็นท์รถมือสองที่กำลังถูกดิสรัปชันสามารถก้าวทันกระแสดิจิทัลและปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีดีลเลอร์มาร่วมเป็นพันธมิตรกับรถโดนใจแล้วกว่า 900 ราย
"เหล่านี้คือแนวคิดว่าทำอย่างไรให้คู่ค้า ลูกค้า รวมถึงพันธมิตรของธนาคารฯ มีชีวิตและมีธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนมากขึ้น เป็นตัวอย่างการ Empower ESG ที่อยู่ใน DNA ในการทำธุรกิจของเรา"
ปิติ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ทีทีบีทำมาตลอดกว่า 10 ปี คือการให้องค์ความรู้กับลูกค้าธุรกิจ ผ่านการอบรมหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb โดยปัจจุบันมีบริษัทต่างๆ เข้าร่วมกว่า 1,700 แห่ง ควบคู่ไปกับการตั้งศูนย์กลางความรู้เชิงลึกที่มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ ภายใต้ finbiz by ttb รวมถึงการจัดสัมมนาผ่านทางระบบออฟไลน์ และออนไลน์
"จากจุดเริ่มต้นจนมาถึงวันนี้ ทุกอย่างวัดได้ ไม่ใช่แค่กิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ เราอยากเห็น Impact จริงๆ ว่าลูกค้าเหล่านั้นดีขึ้น อยู่รอดหรือไม่ ดังนั้น B คือมิติแรกที่เป็นแกนหลักของความยั่งยืน ทั้งธุรกิจของธนาคารฯ คู่ค้า พันธมิตร และลูกค้ายั่งยืนไปด้วยกัน แต่เราก็ไม่ได้ทิ้ง ESG"
แน่นอนว่าเรื่องสิ่งแวดล้อม (Environment Sustainability) เป็นประเด็นสำคัญมากในขณะนี้ และทุกคนพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อไปสู่ Net Zero ในส่วนของธุรกิจธนาคารฯ แม้จะสร้าง CO2 ค่อนข้างน้อย
แต่ในฐานะที่อยู่ตรงกลาง เป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับทุกอุตสาหกรรม สิ่งที่ต้องทำคือ การ Empower ให้คนเหล่านี้เข้าใจและลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์มากกว่าสนใจสิ่งที่ธนาคารฯ ทำเพียงอย่างเดียว
"สิ่งที่ทีทีบีมอง ไม่ใช่แค่การประหยัดไฟฟ้า หรือเปลี่ยนมาใช้รถ EV แล้วโลกจะดีขึ้น แต่เราทำได้มากกว่านั้นและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าที่เป็นอยู่ หากเราทำสำเร็จ นอกจากทำให้ธุรกิจยั่งยืนแล้ว ยังสามารถดึงธุรกิจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกยั่งยืนขึ้นด้วย"
ปิติ ระบุว่า สิ่งที่ธนาคารฯ ทำได้และสามารถสร้างแรงกระเพื่อมอย่างเห็นผลคือ การปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Lending) โดย ทีทีบี ถือเป็นธนาคารแห่งแรกที่ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินทุนไปสนับสนุนลูกค้าธุรกิจผ่าน สินเชื่อสีเขียวและสีฟ้า
ซึ่งในปี 2565 ปล่อย สินเชื่อสีเขียว ไปแล้ว 13,000 ล้านบาท และในปี 2566 ตั้งเป้าจะปล่อยเพิ่มอีกมากกว่า 9,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารฯ ถือเป็นผู้นำปล่อยสินเชื่อรถยนต์ EV ราว 6,500 ล้านบาท
ส่วนในมุมของความยั่งยืนด้านสังคม (Social Sustainability) "ทีทีบี" ได้เปิดโครงการ "ปันบุญ" เป็นพื้นที่ในการช่วยเหลือมูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล ให้สามารถรับเงินบริจาคบนโลกออนไลน์ได้ง่าย ปัจจุบันมีมูลนิธิเข้าร่วมมากกว่า 270 แห่ง ระดมเงินบริจาคไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท
สุดท้าย สิ่งที่ "ทีทีบี" ให้ความสำคัญมากคือ การมี Corporate Governance & Business Ethics หรือบรรษัทภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ การกำกับกิจการต้องโปร่งใส ถูกต้อง ทำให้ธนาคารฯ ได้รับรางวัล "การเงินที่เป็นธรรม" จาก Fair Finance Thailand คว้าคะแนนสูงสุดในกลุ่มธนาคารไทยด้าน ESG 4 ปีซ้อน
และล่าสุดยังได้รับการจัดอันดับที่ดีที่สุดด้าน ESG ในกลุ่มสถาบันการเงินในประเทศไทย และเป็นอันดับสองในระดับเอเชียสำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก จากการลงคะแนนโดยนักวิเคราะห์ โดย Institutional Investor Research (II Research) จากผลสำรวจ 2023 ASIA (EX-JAPAN) EXECUTIVE TEAM
เหล่านี้สะท้อนถึงความทุ่มเทและความตั้งมั่นของธนาคารที่มุ่งเน้นเรื่อง ESG อย่างต่อเนื่องว่า เดินมาถูกทาง
"ทั้งหมดเราไม่ได้เริ่มจาก ESG แต่เริ่มจากตัว B ที่ให้เราทำในสิ่งที่ยั่งยืน แล้วตรงนั้นจะร้อยเรียงในส่วน E และ S รวมถึง G สิ่งเหล่านี้คือ in process ความยั่งยืนที่อยู่ในการทำงานของเราในแต่ละวัน ซึ่งเราทำคนเดียวไม่ได้ และอีก in process ของเราคือ การ Empower ให้ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และสังคมมาร่วมผนึกกำลังกันให้ประเทศไทยยั่งยืนขึ้น หากทำตรงนี้ได้จะเป็นการตอกย้ำเส้นทางความสำเร็จของ ทีทีบี สู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน" ปิติ กล่าวทิ้งท้าย
