'ท่องเที่ยว' ลุ้น 'การเมือง' ไร้รอยต่อ?! หวังต่างชาติสิ้นปี 66 แตะ 30 ล้านคน
ภาคท่องเที่ยวจับตาบรรยากาศ 'การเมือง' และ 'การจัดตั้งรัฐบาลใหม่' อย่างใกล้ชิด! หลังประวัติศาสตร์การเมืองไทยในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ปรากฏชัดว่าการเมืองเป็นหนึ่งในปัจจัยควบคุมไม่ได้ และเคยส่งผลกระทบต่อ 'ความเชื่อมั่น' ของภาคท่องเที่ยวไทยที่กำลังบูม
โดยเฉพาะเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
“แรงส่ง” ถึง “ครึ่งหลังปี 2566” ที่กำลังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด จึงเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวอยากเห็นมากที่สุด! หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 อันยาวนานกว่า 3 ปี
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกครั้ง เช่น “ม็อบลงถนน” จะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด เพราะถ้านักท่องเที่ยวลดลงจนมีอัตราการเข้าพักต่ำกว่าระดับ 30% ภาคท่องเที่ยวจะเหนื่อยและอยู่ไม่ไหว สทท.จึงขอเรียกร้องให้มีการจัดตั้ง “รัฐบาลใหม่” สำเร็จโดยเร็ว! เพื่อการบริหารประเทศแบบไร้รอยต่อ เดินหน้ากันต่อไปให้ได้!!
ขณะเดียวกัน ขอให้รัฐบาลใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเปรียบเสมือนวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ “บูสเตอร์ช็อต” สนับสนุนผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรายเล็ก หลังจากบูสเตอร์ช็อตต่างๆ ได้หมดแม็กซ์ไปแล้ว เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขณะเดียวกันต้องการให้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากยิ่งขึ้นด้วย
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองไทยกับความท้าทายในการทำการตลาดของ ททท. ว่า อะไรที่ยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องกังวล เพราะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ต้องเดินไปให้ได้ “อย่านำความกังวลมาเป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาของภาคท่องเที่ยว!” ต้องทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน เพราะฉะนั้นอนาคตจะเป็นอย่างไร เรายังไม่คิด เราคิดว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงการช่วงชิงทำตลาดทั้งตลาดในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในฐานะว่าที่ผู้ว่าการ ททท. คนใหม่ (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2566) หากมีสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมือง อาทิ ม็อบจะลงถนน ททท.ก็ยังคงทำการตลาดต่อเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว บนพื้นฐานของความคิดทางการเมืองที่แตกต่าง แต่ไม่ได้เกิดการสร้างบรรยากาศที่แตกแยกนำไปสู่ความรุนแรง
“เราต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะการที่เราจะถอยไปทุกเรื่อง มันก็ไม่ใช่ ต้องทำการตลาดต่อ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลักด้วย”
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า จากการประเมินดีมานด์ภาคการท่องเที่ยวไทยปี 2566 เชื่อว่าจะสามารถพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้ โดยตลอดปีนี้มีลุ้นเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคน หรือหากลดลงมา เชื่อว่าไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 25 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทย 117-135 ล้านคน-ครั้ง โดยภาคท่องเที่ยวจะสร้างรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของรายได้รวมท่องเที่ยวในปี 2562 ก่อนโควิดระบาด
“ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสม 12,874,999 คน ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปี จะสามารถไปถึง 30 ล้านคนได้หรือไม่ เบื้องต้น ททท.ได้ประเมินบรรยากาศการท่องเที่ยวและดูยอดจองล่วงหน้าร่วมกับภาคเอกชน เชื่อว่าจากนี้ถึงสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 ล้านคน และหากไตรมาส 4 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 3 ล้านคนต่อเดือน เป้าหมาย 30 ล้านคนคงอยู่ไม่ไกล”
รายงานจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ยังคงเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยปี 2566 ที่จำนวน 27.39 ล้านคน คาดการณ์ว่าเดือน ก.ค. 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.29 ล้านคน จากปัจจัยต่างๆ ที่ยังคงสัญญาณที่ดีต่อการเติบโตของนักท่องเที่ยว บรรยากาศ การท่องเที่ยวโลกยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ทะเลจีนใต้ ตลอดจนความไม่แน่นอนของการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจจะยกระดับความรุนแรงขึ้น
ด้าน วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับ สเปค รมว.การท่องเที่ยวฯ คนต่อไป ต้อง “หูใหญ่ ใจกว้าง และหนักแน่น” เพราะว่าในวงการท่องเที่ยวมีผู้คนหลากระดับ ตั้งแต่ระดับชุมชนจนถึงระดับนานาชาติ จึงต้องเป็นคน “หูใหญ่” ฟังได้ทั่ว ขณะเดียวกัน ต้องเป็นคน “ใจกว้าง” เพราะหลายเรื่องจะขัดกันเอง มีตั้งแต่ผู้ประกอบการที่ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินทุนหมุนเวียนมาจากไหน กับอีกกลุ่มที่สามารถก้าวออกไปลงทุนข้างนอกได้ และสุดท้าย “หนักแน่น” เนื่องจากปัญหาภาคการท่องเที่ยวหลายเรื่องต้องใช้เวลา ต้องใช้การประสานงานอย่างมาก เห็นประเด็น เห็นปัญหา และต้องออกไปสื่อสาร ไปขับเคลื่อนงานให้เกิดขึ้น แต่ละครั้งกินเวลานาน เพราะฉะนั้นต้องหนักแน่นอย่างมาก
ส่วนอีกด้านหนึ่งในวงการท่องเที่ยว ทุกกลุ่มต่างอยากเข้ามาให้ข้อมูลแก่ รมว.การท่องเที่ยวฯ คนใหม่ เพราะโครงสร้างธุรกิจท่องเที่ยวหลายกลุ่ม เป็นโครงสร้างที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออย่างไร การรับฟังจากผู้ประกอบการที่หลากหลายจะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างธุรกิจได้ดีขึ้น เพราะที่เขียนๆ ในกฎหมายเป็นเพียงการจัดหลัก แต่ของจริงในสนามมันไปไกลกว่านั้นมาก ภาคท่องเที่ยวและบริการได้ซึมลึกลงไปในเศรษฐกิจและไปถึงคนตัวเล็กๆ จำนวนมาก การที่จะเข้าใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงต้องฟังให้มากจริงๆ
“ที่ผ่านมายังไม่เห็นตำราอะไรที่เขียนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยได้ครบ เพราะเต็มไปด้วยความหลากหลายมากจริงๆ อีกเรื่องหนึ่งคือท่องเที่ยวไม่มีการเมือง เพราะว่าเกี่ยวกับคนทุกเซ็กเตอร์ ขอให้ รมว.การท่องเที่ยวฯ คนใหม่นึกถึงความเป็นกลางและความเป็นธรรมให้มากๆ”