ส่องแผนโฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ ลุยเปิดสาขาใหม่ 10 ส่ง ‘เมกาโฮม’ เรือธงชิงตลาด

ส่องแผนโฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ ลุยเปิดสาขาใหม่ 10  ส่ง ‘เมกาโฮม’ เรือธงชิงตลาด

กางแผน 'โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์' เปิดสาขาใหม่ปี 66 รวม 10 สาขา รุกส่ง 'เมกา โฮม' ขยายสาขามากสุด ตามเทรนด์ตลาดการก่อสร้างขยายตัว กำหนดราคาคุ้มค่า พร้อมรุกเสริมบริการชิงกลุ่มลูกค้ารายย่อย

ในปี 2566 ตลาดวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่ง ซ่อมแซมบ้านในไทย มีทิศทางที่ดีแรงหนุนภาคก่อสร้างไทยทั้งรัฐและเอกชนในปีนี้ที่ขยายตัว 5% ตามการประเมินของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ รวมถึงได้อานิสงค์การเปิดโครงการใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และการเปิดประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกร้านวัสดุก่อสร้างเร่งแผนขยายสาขา

ยักษ์ใหญ่ในตลาดค้าปลีกวัสุดก่อสร้างอย่าง "บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์" จำกัด (มหาชน)" ที่มีโมเดลค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในเครือ 2 แบรนด์ทั้ง โฮมโปร และ เมกา โฮม ประกาศแผนขยายสาขาใหม่ในปี 2566 รวม 10 สาขา แต่น้ำหนักขยายสาขาใหม่ปีนี้ เน้นที่เมกา โฮม เปิดสาขาใหม่ 8 สาขา และโฮมโปร 2 สาขา

หากมาทำความรู้จักของ โมเดลค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในเครือ โฮมโปร ปัจจุบันจะมี ทั้ง โฮมโปร เมกา โฮม แล้ว ยังมีศูนย์การค้าอย่าง มาร์เก็ต วิลเลจ โดย ทั้ง 3 แบรนด์หลักต่างมีกลยุทธ์ที่แตกต่าง แต่มีความเชื่อมโยงกัน

เมกา โฮม (MEGA HOME) โมเดลร้านค้าปลีก-ค้าส่ง วัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซม ตกแต่งบ้าน เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าร้านรับเหมา ช่าง และเจ้าของโครงการ สาขามีขนาดใหญ่พื้นที่ 2 หมื่น ตร.ม. เน้นเปิดใน กทม. ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ มีสาขารวม 18 แห่งทั่วไทย

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเมกา โฮม ในปีที่ผ่านมา มาจาก บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ได้มีการรวม บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ที่บริหาร เมกา โฮม  มาอยู่ในบริษัทเดียวกัน เป็นผลดีต่อการบริหารจัดการและขับเคลื่อนขยายสาขาของเมกา โฮม จะเร่งเครื่องมากขึ้นนับจากนี้

ส่องแผนโฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ ลุยเปิดสาขาใหม่ 10  ส่ง ‘เมกาโฮม’ เรือธงชิงตลาด

อีกจุดแข็งของ เมกา โฮม ที่เหมาะกับการขยายสาขาในเวลานี้ คือการกำหนดราคาที่มีความคุ้มค่า จึงเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในราคาสุดประหยัด

โฮมโปร (HomePro) ร้านค้าปลีก เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นรายย่อย และผู้ประกอบการโครงบ้าน ที่ต้องการเลือกซื้ออุปกรณ์ตกแต่งบ้านเอง ในปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการรวม 92 สาขา ใน กทม. และ ปริมณฑล

อีกโมเดลค้าปลีกในมือกับ ศูนย์การค้า “มาร์เก็ต วิลเลจ” (Market Village) โดยพื้นที่ค้าปลีกจะมีสาขาของโฮมโปร และพื้นที่เปิดให้เช่า มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ธนาคาร ร้านหนังสือ ร้านสินค้า ไอที ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาในรูปแบบ มาร์เก็ต วิลเลจ รวม 5 สาขา ได้แก่ สุวรรณภูมิ หัวหิน ภูเก็ต (ฉลอง) ราชพฤกษ์ และรังสิตคลอง 4

ภาพรวมการเปิดสาขาของบริษัท ในไตรมาสแรกของปี 2566 รุกเปิดสาขาเมกา โฮม ไปแล้ว 3 สาขา ไตรมาสสองเปิดเพิ่ม 3 สาขา ส่วนแผนช่วงครึ่งปีหลัง จะเปิด เมกา โฮม เพิ่ม 2 สาขา และโฮมโปร 2 สาขา ทำให้ในสิ้นปี 2566 จะมีสาขารวม 127 สาขาทั่วไทย นอกจากตลาดในไทยแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจค้าปลีก โฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 7 สาขา และธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในเวียดนาม ที่รุกเข้าไปผ่านช่องทาง E-marketplace เช่นกัน

แผนของบริษัทจะมุ่งขยายสาขาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เน้นทำเลที่มีศักยภาพ รวมถึงมุ่งพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ ตอกย้ำแนวคิด One Stop Shopping เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

พร้อมรุก E-Commerce ทำให้สามารถเข้าสู่ Omni Channel เต็มรูปแบบ โดยที่ผ่านมาได้มีการซื้อหุ้นสัดส่วน 30% ของบริษัท วันสต๊อกโฮม จำกัด (Onestockhome) แพลตฟอร์มการซื้อขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสจำหน่ายและกระจายสินค้าเมกาโฮม ทั้งหมดสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจ Home Solution and Living Experience ในไทยและในอาเซียน

แต่ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดวัสดุก่อสร้างที่มีคู่แข่งหลายราย บริษัทจึงมุ่งสร้างความแตกต่าง ทั้งมุ่งให้บริการแบบครบวงจร และบริการหลากหลาย ทั้ง “โฮม เซอร์วิส (Home Service)” ให้บริการตรวจเช็ค ซ่อมบำรุง ทำความสะอาด ติดตั้ง และปรับปรุงบ้าน (Home Makeover) รวมถึงบริการ Same Day Delivery ที่จัดส่งสินค้าในวันเดียว รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Emergency Service) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ เป็นจุดแข็งสำคัญ

รักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์ และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ กล่าวว่า บริษัทได้มุ่งปรับแผนลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ในปัจจุบันได้ขยายการติดตั้งในสาขา โฮมโปร รวม 65 สาขา และ เมกา โฮม 10 สาขา มีกำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ จึงเป็นผลดีต่อการบริหารจัดการต้นทุนภายใน

ทั้งหมดทำให้บริษัทสร้างธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง วัดได้จากผลประกอบการของบริษัทใน Q1/66 สร้างรายได้รวม 1.82 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรทะยานถึง 1,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน