เที่ยวเอาต์ดอร์ เดินป่า-ตั้งแคมป์ โตสดใส จับคนรุ่นใหม่เน้นสะดวกพ่วงแฟชั่น
กระแส “การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย” ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง กางเต็นท์ ตั้งแคมป์ ยังคงมาแรง! นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2563 ส่งผลให้พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ต้องการออกไปเดินทางท่องเที่ยวรวมถึงการทำกิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้งในรูปแบบใหม่ๆ ที่สนุกและตื่นเต้น
หนึ่งในนั้นคือการเที่ยวแบบแคมป์ปิ้ง กางเต็นท์ พักแรมท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อหาวิธีบำบัดจิตใจหลังผ่านมรสุมโรคระบาดมายาวนาน จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี
สอดรับกับข้อมูลล่าสุดของ “The Business Research Company” หน่วยงานสำรวจด้านธุรกิจชื่อดัง ระบุถึงมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวสไตล์แคมป์ปิ้งทั่วโลก คาดว่าจะเติบโตจาก 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 เพิ่มเป็น 6.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2565 เติบโตสูงถึง 11.2% ต่อปี และคาดว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าจะพุ่งขึ้นไปถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีอย่างแน่นอน ทั้งในกลุ่มของ “Camping” หรือ การตั้งแคมป์แบบธรรมดา และ “Glamping” หรือ การตั้งแคมป์แบบหรูหรา ซึ่งปัจจุบันมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตั้งแคมป์ทั้งสองรูปแบบเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยกลุ่มชนชั้นกลาง กลุ่มมิลเลนเนียล หรือกลุ่ม Gen Y ถือเป็นตลาดหลักของธุรกิจประเภทนี้
ณัฐพงษ์ บุษบงษ์ ผู้ก่อตั้ง Calmoutdoors ธุรกิจด้านอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง กิจกรรมกลางแจ้ง แบรนด์แฟชั่น Outdoors ของไทย เล่าว่า ภาพรวมธุรกิจ “แคมป์ปิ้ง” และ “กิจกรรมกลางแจ้ง” (Outdoor) ในปัจจุบันเติบโตต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่ได้เติบโตแบบรุนแรงเหมือนตอนโควิด-19 ระบาดเมื่อช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเติบโตสะสมจากช่วงหลายปีก่อน จึงส่งผลให้มูลค่าตลาดของธุรกิจดังกล่าวขยายตัวใหญ่มากกว่าเดิม มีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นมาก จึงทำให้ธุรกิจนี้ยังอยู่ในทิศทางที่เติบโตเฉลี่ยประมาณ 5%
กลุ่มอายุของคนที่สนใจการท่องเที่ยวแบบเอาต์ดอร์ตอนนี้ น่าสนใจตรงที่เห็น “คนรุ่นใหม่” อายุ 20-30 ปี เป็นกลุ่ม “ลูกค้าใหม่” ที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปตามเทรนด์โลกที่สนใจการท่องเที่ยวในลักษณะนี้ แต่หากมองกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่มั่นคง มองว่ายังคงเป็นคนกลุ่มเดิมคือ “วัยทำงาน” ชนชั้นกลางอายุตั้งแต่ 35-50 ปีที่มีกำลังการใช้จ่าย ไม่ได้มีปัญหาด้านราคา พร้อมควักกระเป๋าซื้อสินค้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ ทันที หากตรงกับความชื่นชอบของตัวเอง
สำหรับการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยในปัจจุบัน คือเทรนด์ “การเดินป่า” (Trekking) ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินป่าเติบโตแบบก้าวกระโดด เช่นเดียวกับธุรกิจท่องเที่ยวที่พักแรม โดยเฉพาะการกางเต็นท์ เติบโตขึ้นจากในช่วง 2-3 ปีอย่างเห็นได้ชัด เช่น ลานกางเต็นท์ของเอกชนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก และมีการแข่งกันออกโปรโมชันเพื่อแย่งชิงนักท่องเที่ยว
ส่วนสินค้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเอาต์ดอร์ในปัจจุบัน จากการสำรวจผู้ประกอบการในตลาดพบว่า มีผู้ประกอบการหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายเดิมก็มีการพัฒนาสินค้าให้หลากหลาย ทันสมัย ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย โดยสินค้าที่ผลิตออกมาหลากหลายประเภทนั้น ส่วนหนึ่งเน้นใช้งานจริง อีกส่วนหนึ่งเน้นเรื่องแฟชั่น หรือการเป็นของสะสมอีกด้วย
“ตอนนี้สินค้าต่างๆ เกี่ยวกับเอาต์ดอร์พัฒนาไปมาก มีสินค้าจากต่างประเทศหลายแบรนด์เข้ามาบุกตลาดในไทย ราคาก็หลากหลาย ทำให้คนส่วนใหญ่มองว่าการไปแคมป์ปิ้งกลางแจ้งไม่ใช่เรื่องลำบากอีกต่อไป เพราะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายอย่าง ทั้งโซฟา ที่นอน หากร้อนก็มีแอร์ หรือแบตเตอรี่ก็หิ้วไปได้ง่าย ห้องน้ำส่วนตัวก็มีพัฒนาในแบบที่ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิมมาก แล้วคนที่ไปก็มี 2 ส่วน ส่วนแรกแบบตั้งใจไปง่ายๆ เรียบๆ เน้นเสพธรรมชาติ อีกประเภทคือไปเพื่อไปใช้ของที่ซื้อมาใหม่ๆ ซึ่งคนในกลุ่มหลังนี้เป็นกลุ่มที่สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจนี้เติบโตอย่างมาก”
ทั้งนี้ ตลาดแคมป์ปิ้งและท่องเที่ยวแบบเอาต์ดอร์ในไทยกำลังจะมีงานแสดงสินค้า “Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023” ระหว่างวันที่ 18-21 พ.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด คาดการณ์ว่าจะเป็นงานที่ดึงกลุ่มคนที่ไม่เคยสัมผัสการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้ง เพื่อเปิดประสบการณ์พิเศษในแบบฉบับของตัวเอง โดยถือเป็นช่วงเวลาของสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อต้อนรับ “ฤดูกาลท่องเที่ยว” (ไฮซีซัน) ของการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งและเอาต์ดอร์ในช่วง “ปลายฝนต้นหนาว” นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชัน โดยเฉพาะสินค้าเดิมที่นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน เช่น เสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในพื้นที่ “Cozy Coffee in Camp” การแข่งขันกางเต็นท์ และการแข่งขันปีนผาจำลอง