บิ๊กโรงแรมไทย ลุยลงทุน 'มัลดีฟส์' ฝ่าวงล้อมแข่งดุ! รับทั่วโลกเปิดพรมแดน

บิ๊กโรงแรมไทย ลุยลงทุน 'มัลดีฟส์' ฝ่าวงล้อมแข่งดุ! รับทั่วโลกเปิดพรมแดน

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ “มัลดีฟส์” ยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีนักท่องเที่ยวสะสมในช่วง 4 เดือนแรกของปี 66 เกือบ 6.9 แสนคน เพิ่มขึ้น 20% จาก 4 เดือนแรกของปี 65 และเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปี 62 หรือระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้สำเร็จ

แม้ปริมาณการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มลูกค้าหลักจากประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีนยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ!

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยว 3 อันดับแรกซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศรัสเซีย อินเดีย และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ สำหรับในปี 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวของมัลดีฟส์คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามัลดีฟส์ จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดโควิดระบาดถึง 6%

โดยคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจากโซนยุโรป นำโดยสหราชอาณาจักร เยอรมนี และอิตาลี จะเดินทางเข้ามัลดีฟส์มากที่สุด ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวจากอินเดียและรัสเซีย ทั้งนี้การกลับมาเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศได้ของ “นักท่องเที่ยวจีน” หลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ถือเป็นอีกแรงกระตุ้นสำคัญ! เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนครองส่วนแบ่งตลาดการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ประมาณ 20% ในปี 2562

เดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ในเครือสิงห์ เอสเตท กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของโรงแรมในโครงการ CROSSROADS ของ “เอส โฮเทลฯ” พบว่ามีอัตราการเข้าพักในช่วง 4 เดือนแรกของปีในระดับสูงกว่า 80% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ประมาณ 70% โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร รัสเซีย ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 38% และ 22% ตามด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวจากสหรัฐ อินเดีย และสวิตเซอร์แลนด์ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนจุดแข็งของโรงแรมที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใช้จ่ายสูง (High Spending) ได้

ปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวส่งผลต่อคาดการณ์ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องในปี 2566 โดยอัตราการเข้าพักและค่าห้องพักเฉลี่ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง ผลักดันจากแผนการตลาดที่มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ เพื่อให้มีส่วนผสมของลูกค้าที่มีประสิทธิผลสูงสุด (Market Mixed) และผลจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหาร “ราคาห้องพักเฉลี่ย” (ADR) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงห้องพักอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์กระแสนิยมในการท่องเที่ยวในปัจจุบัน

สำหรับโรงแรมที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ SHR ที่มัลดีฟส์ มีโรงแรม 2 แห่งในโครงการ “ครอสโร้ดส์” (CROSSROADS) ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives นอกจากนี้ ยังมีโรงแรม โคนอตตา มัลดีฟส์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมที่บริษัทฯ บริหารจัดการภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯเอง ส่วนโรงแรมที่มีการดำเนินงานในลักษณะการร่วมค้าคือ โรงแรม SO/ Maldives ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CROSSROADS ที่บริษัทฯ และ Wai Eco World Developer ถือสัดส่วนเงินลงทุนฝั่งละ 50% ในการร่วมค้า

บิ๊กโรงแรมไทย ลุยลงทุน \'มัลดีฟส์\' ฝ่าวงล้อมแข่งดุ! รับทั่วโลกเปิดพรมแดน

กันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมเครือ “เซ็นทารา” ระบุว่า ในไตรมาส 1/2566 รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ของโรงแรมเครือเซ็นทาราต่างประเทศ อยู่ที่ 7,992 บาท เพิ่มขึ้น 10% เทียบเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราการเข้าพัก เพิ่มขึ้นจาก 77% ในไตรมาส 1/2565 เป็น 85% ในไตรมาส 1/2566 ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ย ทรงตัวอยู่ที่ 9,413 บาท

“และเมื่อดูเฉพาะมัลดีฟส์ พบว่ารายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยในไตรมาส 1/2566 ลดลง 2% เทียบปีก่อน เป็น 14,295 บาท อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจาก 86% เป็น 89% ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยลดลง 5% เทียบเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 16,151 บาท อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในสกุลดอลลาร์สหรัฐ รายได้ทั้งหมดต่อห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 635 ดอลลาร์สหรัฐ ดีขึ้น 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”

ก่อนหน้านี้ กันย์ เล่าว่า ตามแผนใช้ “เงินลงทุน” ของเครือเซ็นทาราในช่วง 3 ปีนี้ ตั้งแต่ปี 2566-2568 อยู่ในช่วงระหว่าง 11,800-19,900 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2566 ระหว่าง 3,400-5,800 ล้านบาท ปี 2567 ระหว่าง 5,600-8,600 ล้านบาท และปี 2568 ระหว่าง 2,800-5,500 ล้านบาท

“ในช่วง 3 ปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์ 3 แห่ง บน 3 เกาะ วางกำหนดเปิดให้บริการในปี 2568 หลังต้องชะลอไปในช่วงโควิดระบาด ตอนนี้กลับมาดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ แบรนด์ เซ็นทารา มิราจ (ระดับอัปสเกล) แบรนด์ เซ็นทารา แกรนด์ (ระดับอัปเปอร์ อัปสเกล) และแบรนด์ เซ็นทารา รีเซิร์ฟ (ระดับลักชัวรี) รวมใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันเครือเซ็นทารามีโรงแรมที่เปิดให้บริการในมัลดีฟส์แล้ว 2 แห่ง”

บิ๊กโรงแรมไทย ลุยลงทุน \'มัลดีฟส์\' ฝ่าวงล้อมแข่งดุ! รับทั่วโลกเปิดพรมแดน

ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กล่าวว่า แม้ว่าจะเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากการกลับมาเปิดพรมแดนของประเทศอื่นๆ ภายหลังจากการยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางทั่วโลกทั้งหมด แต่มัลดีฟส์ยังคงมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2562 ซึ่งเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของกลุ่มโรงแรมในมัลดีฟส์ลดลง 15%

ด้านรายงานข่าวจาก บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ระบุว่า ในไตรมาส 1/2566 รายได้จากโรงแรม ดุสิตธานี มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่บริษัทฯลงทุนเอง ลดลง 11.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากลูกค้ามีทางเลือกในการเดินทางไปประเทศต่างๆ มากขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลาย อีกทั้งมีการแข่งขันด้านราคารุนแรงขึ้น และการมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และอินเดีย

บิ๊กโรงแรมไทย ลุยลงทุน \'มัลดีฟส์\' ฝ่าวงล้อมแข่งดุ! รับทั่วโลกเปิดพรมแดน