‘อาร์เอส’ ควง 'พันธมิตร-เงินทุน’ ลุยธุรกิจเพลงในไทย ป้อนคอนเทนต์สู่ตลาดโลก

‘อาร์เอส’ ควง 'พันธมิตร-เงินทุน’  ลุยธุรกิจเพลงในไทย ป้อนคอนเทนต์สู่ตลาดโลก

การกลับมารุกธุรกิจเพลงในรอบ 15 ปี ทำให้ "อาร์เอส" ต่อจิ๊กซอว์ครั้งใหญ่ ดันบริษัทเข้าตลาด พร้อมดึงพันธมิตรต่างชาติให้เงินทุน และ "ร่วมทุน" ขยายธุรกิจ ปั้นคอนเทนต์สู่ตลาดโลก ส่วนศิลปิน ดึงลูกหม้อ "บีม กวี" และ "พี่ธีร์น้องพีร์” ออกซิงเกิลแรก เอาใจแฟนคลับ

ภาพรวมธุรกิจค่อยๆฟื้นตัวขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวเยือนไทยเพิ่ม ปลุกอำนาจซื้อให้ขยายตัว นอกเหนือจากการบริโภคภายในประเทศของประชากรไทย

ผลงานธุรกิจไตรมาสแรก บางกลุ่มหดตัว บางหมวดเติบโตได้ “อาร์เอส” ทำกำไร 92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้รวมจำนวน 813 ล้านบาท ธุรกิจที่กลับเทคออฟได้ คือสื่อและบันเทิง

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า ผลกำไรของบริษัทเติบโตได้ เพราะธุรกิจบันเทิงและสื่อมีการฟื้นตัว รวมถึงการปรับกลยุทธ์การทำตลาดที่มีการ “รวมศูนย์” การหารายได้จากการขายโฆษณา การซีนเนอร์ยีทั้งกลุ่มเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าผ่าน “มีเดีย เซลล์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง” หรือ MSM ทำให้ลูกค้าที่จะใช้จ่าย สามารถเปย์งบแล้วได้กิจกรรม การสื่อสารตลาดครบวงจร ทั้งโฆษณาทางทีวีดิจิทัล คอนเสิร์ต อีเวนท์ เป็นต้น

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาไตรมาสแรก ถือเป็นโลว์ซีซั่น เม็ดเงินไม่สะพัดมากนัก ยิ่งกว่าานั้นปัจจัย “ซัมเมอร์” และ “การเลือกตั้ง” ปี 2566 ไม่ได้ช่วยให้แบรนด์เปย์เงินผ่านสื่อหลักอย่างทีวี แม้จะมีรายการข่าว เปิดเวทีดีเบต จนช่องสามารถโกย “เรทติ้ง” เพิ่มขึ้น

‘อาร์เอส’ ควง \'พันธมิตร-เงินทุน’  ลุยธุรกิจเพลงในไทย ป้อนคอนเทนต์สู่ตลาดโลก "พี่ธีร์น้องพีร์” ได้เดบิวต์ ออกซิงเกิลแรกแล้ว

ปี 2566 อาร์เอสตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 5,000-5,500 ล้านบาท กลยุทธ์ผลักดันการเติบโต มีดังนี้ 1.ธุรกิจเพลงภายใต้อาร์เอส มิวสิค เมื่อกลับมาเดินเกมรุกอีกครั้งในรอบ 15 ปี ด้วยการสร้างศิลปินหน้าใหม่กับโปรเจค RS Newcomers ซึ่งจะเริ่มเห็นช่วงไตรมาส 3 และ RS Homecomimg ดึงศิลปินลูกหม้อกลับมาทำเพลง ประเดิม “บีม กวี” ที่ควงแฝดสุดแสบและน่ารัก “พี่ธีร์น้องพีร์” ออกซิงเกิล “Call Me Daddy” เอาใจแฟนคลับ

ทว่า ไฮไลท์คือการผนึก "พันธมิตรต่างชาติ” มาลงทุนในธุรกิจเพลง และ “ร่วมทุน” เพื่อชิงขุมทรัพย์ในประเทศไทย ส่วนอาร์เอส จะมุ่งสร้างคอนเทนท์ให้แข็งแกร่ง แล้วใช้ช่องทางจำหน่ายของพาร์ทเนอร์ ขยายตลาดไปทั่วโลก

“พาร์ทเนอร์จะมาพร้อมเงินลงทุนก้อนใหญ่ เพื่อลุยธุรกิจเพลงในประเทศไทย ซึ่งการได้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ จะทำให้อาร์เอส มิวสิค แข็งแรงขึ้น อีกทั้งเราจะนำจุดแข็งพาร์ทเนอร์เป็นช่องทางเสิร์ฟเพลงให้คนฟัง และเพิ่มโอกาสพาศิลปินไปทำกิจกรรมต่างแดนได้ หน้าที่เราต้องทำคอนเทนท์ให้แกร่ง เพราะคอนเทนท์ไปได้ไกลทั่วโลก”

เพลง ยังทำเงินให้อาร์เอส มากขึ้น ทั้งต่อยอดสู่งานโฆษณา คอนเสิร์ต สตรีมมิ่ง คนดูฟังยังมีโฆษณาแทรก เป็นต้น แผนดังกล่าวยังสานเป้าหมายผลักดันอาร์เอส มิวสิค เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนต่อไป ส่วนรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 700 ล้านบาท

‘อาร์เอส’ ควง \'พันธมิตร-เงินทุน’  ลุยธุรกิจเพลงในไทย ป้อนคอนเทนต์สู่ตลาดโลก นอกจากนี้ ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง จะมีการเปิดร้านเพ็ทช็อปแบรนด์ใหม่และเป็น “แฟล็กชิป” พร้อมบริการครบวงจร ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย คนรักสัตว์ และตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง จากที่ผ่านมามีการซื้อหุ้นฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ ต่อยอดสู่โรงพยาบาลสัตว์ เวลเนสฯ และสานต่อการเป็นกิจการครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

“เฮียเป็นทาสหมา คลั่งไคล้ รักมาก ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง มีการเติบโตทุกปี รับสังคมสูงอายุ ที่คนเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน สังคมเมือง คนมีลูกน้อยลง แต่เลือกเลี้ยงสัตว์แทนเหมือนลูก ในฐานะเฮียเลี้ยงสัตว์เข้าใจอินเนอร์ตรงนี้มาก”

ส่วน RS Livewell มีการออกสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์เดิม และออกสินค้าแบรนด์ใหม่เสริมทัพ ขณะที่ธุรกิจสื่อ ช่อง 8 ดึง “พุทธ อภิวรรณ” สู่รายการ “ลุยชนข่าว” โกยเรทติ้งทั่วประเทศ 1.2% เข้าถึงคนดูกว่า 3.2 ล้านคน เป็นต้น

“ครึ่งปีหลังให้น้ำหนักทำธุรกิจเพลง โชว์บิส มากขึ้น เห็นความโดดเด่น ส่วนครึ่งปีแรกธุรกิจคอมเมิร์ซ ตลาดยังมีผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว แต่ภาพรวมกำไรเราดี เพราะมีการปรับตัว วางกลยุทธ์ซ่อมและสร้าง ซ่อมส่วนที่ได้รับผลกระทบช่วงโควิด สร้างกลยุทธ์ สร้างทีมงานใหม่ และคาดครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น"