สาวเจ้าของรีสอร์ท ลุยคลินิกดัง ศัลยกรรมจมูกหน้าเสียโฉม แฉเหยื่ออื้อ

สาวเจ้าของรีสอร์ท ลุยคลินิกดัง ศัลยกรรมจมูกหน้าเสียโฉม แฉเหยื่ออื้อ

ร้องกองปราบ สาวเจ้าของรีสอร์ท ลุยเอาผิดคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ย่านสุขุมวิท แพทย์ศัลยกรรม 2 ราย หลังเข้ารับทำศัลยกรรมแก้จมูก สุดท้ายหน้าเสียโฉม หายใจลำบาก เกิดภาวะซึมเศร้า ชี้ปลอมแปลงเอกสารปลอมลายเซ็นต์ ปัดความรับผิดชอบไม่เยียวยา พบผู้เสียหายกว่า 10 ราย

กรณีคลินิกดังย่านสุขุมวิท ทำศัลยกรรมจมูกหน้าเสียโฉม เผยมีคนตกเป็นเหยื่ออื้อ ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.เหมียว (นามสมมติ) อายุ 42 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัวและเจ้าของรีสอร์ทในจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. กองปราบ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ คลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท และ แพทย์ผู้ทำศัลยกรรมอีก 2 คน หลังศัลยกรรมปรับแก้จมูกจนเป็นเหตุให้ใบหน้าเสียโฉม อีกทั้งยังพบหลักฐานว่าคลินิกดังกล่าวมีการปลอมแปลงเอกสาร เพื่อปัดความรับผิดชอบ

น.ส.เหมียว กล่าวว่า เมื่อปี 2563 ตนเองได้ตัดสินใจไปแก้จมูกกับคลินิกดังกล่าว เพราะมีปัญหาจมูกสั้น ไม่รับกับใบหน้า โดยรู้จักคลินิกแห่งนี้ผ่านการโฆษณาผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ว่ารับแก้จมูกแบบ OPEN หรือการผ่าตัดจมูกแบบเปิด ในราคา 2 แสนบาท มีรีวิวดูน่าเชื่อถือจำนวนมาก ว่าทำดี จมูกออกมาเป็นธรรมชาติ จึงตัดสินใจทำกับคลินิกแห่งนี้ แต่เมื่อไปทำการผ่าตัดแล้ว กลับพบปัญหาไม่สามารถยิ้มได้ เพราะซิลิโคนค้ำลงมาบริเวณกระจับปาก หายใจไม่สะดวก จึงได้กลับไปปรึกษาเพื่อทำการแก้ไข


“ทางคลินิกให้รออย่างน้อย 6 เดือนแล้วกลับมาผ่าตัดรอบ 2 ซึ่งครั้งนี้มีแพทย์ที่ผ่าตัด 2 คน คนแรกได้พยายามตัดซิลิโคนที่ค้ำลงมาบริเวณเหนือกระจับปากออก แต่ได้ยินว่าซิลิโคนจะล้ม แพทย์คนที่ 2 ก็เข้ามาพยายามแก้ไข แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าซิลิโคนทะลุลงมาที่ที่เหงือกเหนือฟันหน้า และเกิดพังผืดบริเวณดังกล่าว และส่งผลให้โครงสร้างจมูกตกลงมาต่ำผิดรูป ทำให้มีการดึงรั้งกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเหนือจมูกลงมาทั้งหมด ทำให้ใบหน้าผิดรูป มีอาการเจ็บปวดทั่วทั้งใบหน้า ต้องติดเทปดึงรั้งช่วงแก้มขวาไว้ตลอดเวลา หายใจลำบาก ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ไม่สามารถออกกำลังกายได้ และมีภาวะซึมเศร้า”

น.ส.เหมียว กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากแก้รอบ 2 แล้วอาการหนักกว่าเดิม จึงต้องการไปรักษาที่คลินิกอื่น แต่ไม่มีแพทย์รับแก้ เพราะเกรงว่าจะกระทบเส้นประสาท อีกทั้งไม่มีใบเวชระเบียน ทำให้ตนเองต้องไปขอเอกสารเวชระเบียนจากคลินิกเดิม แต่คลินิกกลับปฏิเสธ จนไปร้องแพทยสภา และได้รับเอกสารมา แต่กลับพบว่า 1 ในเอกสารที่ได้รับ เป็นเอกสารกล่าวหาว่าตนเองมีความบกพร่องบนใบหน้าอยู่แล้ว มีการนำรูปมาประกอบ ซึ่งบางรูปเป็นภาพขณะนอนผ่าตัด ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ตนเอง

“เมื่อส่งตรวจพิสูจน์ลายเซ็นต์กับผู้เชียวชาญ ก็พบว่ามีการปลอมลายเซ็นต์ขึ้นมา เพื่อบอกปัดความรับผิดชอบ และไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาใดๆจากทางคลินิกอีกเลย การมาแจ้งความในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้คลินิกออกมารับผิดชอบ ดูแลเยียวยา ไม่ใช่ให้ตนเองดิ้นรนหาทางรักษาเอาเอง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกกว่า 10 คน ที่ประสบชะตากรรมเดียวกันจากคลินิกแห่งนี้ บางคนผ่าตัดมาแล้วจมูกไม่เท่ากัน จมูกเอียง หรือจมูกล้มก็มี”

ด้าน นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ต้องการดำเนินคดีกับแพทย์และคลินิก รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม รวมถึงข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจะร้องขอให้แพทยสภาเข้าไปตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ว่ามีใบอนุญาติและใบประกอบวิชาชีพถูกต้องหรือไม่ด้วย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคผู้ร้องไว้ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควยคู่พยานหลักฐานก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป