'ทัวริสต์จีน' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

'ทัวริสต์จีน' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

ความคาดหวังของเศรษฐกิจไทยที่มีต่อตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” กลับมาอย่างแข็งแกร่งนั้นแรงกล้า! ภาครัฐและเอกชนต่างยกตำแหน่ง “พระเอก” พลิกสถานการณ์ สร้างจุดเปลี่ยนผลักดันภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวจากความห่อเหี่ยว

เก็บเกี่ยวรายได้รวมทั้งตลาดในและต่างประเทศปี 2566 ให้ได้ตามเป้าหมาย 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% จากฐานรายได้รวม 3 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด

ปักหมุดหมายฟื้นตัว 100% ในปี 2567 พร้อมปูพรมสู่เป้าหมายของ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ที่ต้องการเห็นสัดส่วนรายได้รวมการท่องเที่ยวขยับจากเกือบ 18% ของจีดีพีในปี 2562 เพิ่มเป็น 25% ของจีดีพีในปี 2570

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.วางเป้าหมายปีนี้ว่าเฉพาะตลาดต่างประเทศจะมีรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-30 ล้านคน โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีนอย่างน้อย 5 ล้านคน ฟื้นตัวราว 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งทำสถิติสูงสุดไว้กว่า 11 ล้านคน

แน่นอนว่า “ตัวแปรหลัก” คือการฟื้นตัวของเที่ยวบิน “เส้นทางไทย-จีน” ทั้งในช่วงตารางบินฤดูร้อน 2566 และตารางบินฤดูหนาว 2566/2567 หลังจากในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยมากเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวนสะสม 517,242 คน รองจากมาเลเซีย และรัสเซีย

\'ทัวริสต์จีน\' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

คาดปี 66 ปั้นรายได้ "จีนเที่ยวไทย" 3 แสนล้าน

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เล่าเสริมว่า อนาคตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนสดใสมากในปีนี้! เป้าหมายอย่างน้อย 5 ล้านคนเป็นตัวเลขที่ ททท.คาดการณ์ว่าจะทำได้อย่างแน่นอน เบื้องต้นคาดด้วยว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ถือเป็น “เครื่องยนต์สำคัญ” ช่วยผลักดันเป้าหมายภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ให้เป็นไปได้จริง! โดยตลอดปีมีแนวโน้มเห็นนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย 7-8 ล้านคนด้วยซ้ำ ซึ่ง ททท.จะประเมินความเป็นไปได้อีกครั้งเมื่อจบครึ่งปีแรก

“หัวใจของตลาดจีนคือจำนวนเที่ยวบิน ตอนนี้บรรดาสายการบินกลับมาทำตลาด ช่วยเชื่อมต่อเปิดเส้นทางบินสู่ประเทศจีนมากขึ้น หลายสายการบินให้น้ำหนักกับตลาดจีนเป็นหลัก เพราะเป็นเส้นทางที่เปิดทำการบินแล้ว ให้กำไรค่อนข้างดี”

และจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยในตอนนี้ พบว่ามีจำนวนเฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน ถือว่ากลับมา 30-40% แล้ว หากรักษาโมเมนตัมได้ นับจากนี้น่าจะเห็นเดินทางเข้าไทยราว 3 แสนคนต่อเดือน และเป็นไปได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มเป็น 20,000 คนต่อวัน หรือราว 6 แสนคนต่อเดือน ฟื้นตัว 60% เมื่อเทียบกับสถิติสูงสุดเมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ซึ่งตลาดจีนเที่ยวไทยเคยทำได้ประมาณ 1 ล้านคนต่อเดือน!

“ต้องจับตาดูช่วงครึ่งปีหลัง เพราะปัญหาในตอนนี้คือการบริหารจัดการที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นตึงมือมาก ขาดแคลนทั้งอุปกรณ์และพนักงาน โดยในเดือน เม.ย.นี้ถือว่าดีกว่าช่วงต้นปีมาก ซึ่งมีการให้สลอต (ตารางทำการบิน) แก่สายการบินไปแล้ว แต่เปิดทำการบินไม่ได้ เพราะไม่มีคน ไม่มีอุปกรณ์ ตอนนี้กำลังแก้เกมดีขึ้นแล้ว โดยให้ทางสายการบินสามารถเข้ามาบริหารจัดการด้านต่างๆ ด้วยตัวเอง หากมีกำลังความสามารถ”

\'ทัวริสต์จีน\' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

 

"ไทยแอร์เอเชีย" ประเมินขนผู้โดยสารชาวจีนปีนี้ราว 4 ล้านคน 

ด้าน สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ประเมินว่า คนจีนจะมาเที่ยวไทยจำนวนมากแน่นอนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เหมือนกับภาพคนไทยแห่ไปเที่ยวญี่ปุ่นตอนเปิดประเทศ โดยมองด้วยว่าในช่วงแรกๆ คนจีนจะยังไม่ไปเที่ยวยุโรปกับสหรัฐ เพราะต้องควักค่าใช้จ่ายสูง จึงเลือกมาเที่ยวประเทศไทยมากเป็น “อันดับ 1”

การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนคือตัวแปรหลักในการฟื้นตัวของไทยแอร์เอเชียในปีนี้ นี่คือตลาดที่เราถนัด พร้อมบุกเปิดให้ครบทุกเส้นทางสู่ประเทศจีนภายในปีนี้ จากนั้นจะรุกทำตลาดแบบลึกขึ้น ด้วยการขยายเครือข่ายเส้นทางบินตรงจากจีนเข้าเมืองท่องเที่ยวในต่างจังหวัดของไทย เช่น ภูเก็ต และเชียงใหม่ สู่เป้าหมายการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ได้ใกล้เคียงของเดิมก่อนเกิดโควิดที่ 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ภายในปีนี้”

ตอนนี้ไทยแอร์เอเชียเตรียม Plan B เอาไว้ว่าอาจจะเช่าเครื่องบินอีก 5 ลำใหม่ในไตรมาส 4 นี้ เพื่อนำมารองรับดีมานด์นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทย ทำให้สิ้นปี 2566 ไทยแอร์เอเชียจะมีฝูงบินเพิ่มจาก 53 ลำ เป็น 58 ลำ และสามารถขยับเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเพิ่มจาก 20 ล้านคน เป็น 22 ล้านคน โดยเป็น “ผู้โดยสารชาวจีน” ประมาณ 4 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของผู้โดยสารทั้งหมด ทำรายได้ในสัดส่วน 30% ของเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท

\'ทัวริสต์จีน\' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

ซีอีโอไทยแอร์เอเชีย มองด้วยว่า แนวโน้มในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2570 มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการเติบโตพุ่งแรงของ “นักท่องเที่ยวจีน” แตะระดับ 20 ล้านคน! คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯตั้งเป้าไว้ 80 ล้านคน และขยายสัดส่วนรายได้รวมการท่องเที่ยวจากเกือบ 18% ของจีดีพีในปี 2562 เพิ่มเป็น 25% ของจีดีพีในปี 2570

“ประเทศไทยได้เปรียบด้านที่ตั้ง ใช้เวลาบินจากจีน 3-5 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งยังมีความพร้อมเรื่องอาหารซึ่งเป็นจุดขายสำคัญและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญคือการเร่งเตรียมความพร้อมด้านซัพพลาย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน รองรับดีมานด์นักท่องเที่ยวในอนาคต”

\'ทัวริสต์จีน\' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

 

"ไทยไลอ้อนแอร์" โฟกัสเส้นทางจีน ฟื้นรายได้ธุรกิจ

นันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า ตลาดจีนค่อนข้างมาแรงหลังเปิดประเทศ ทำให้ธุรกิจของไทยไลอ้อนแอร์กลับมามีรายได้ดีขึ้น และคาดหวังว่าอาจทำกำไรได้ ด้วยแผนขยายฝูงบินปีนี้ จากปัจจุบันมี 11 ลำ เพิ่มอีก 7 ลำใหม่ รวมมี 18 ลำ ณ สิ้นปีนี้ เพื่อรองรับการขยายจำนวนผู้โดยสารของไทยไลอ้อนแอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 5 ล้านคน รองรับดีมานด์ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง

แน่นอนว่าโฟกัสหลักคือตลาดเส้นทางบินไทย-จีน เราเตรียมนำเครื่องบินลำใหม่ไปเปิดเส้นทางบินสู่ประเทศจีนที่เคยทำการบินก่อนเกิดโควิด เช่น เส้นทางจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ อู่ฮั่น เซินเจิ้น และอื่นๆ ขณะเดียวกันจะโปรโมตบินตรงจากจีนเข้าจุดบินอื่นๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และเมืองในภาคอีสานด้วย”

จากปัจจุบันไทยไลอ้อนแอร์ทำการบินไปจีน 8-10 เมือง เช่น กว่างโจว ฉางซา และหนานจิง ด้วยความถี่เฉลี่ยเมืองละ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เน้นขายตั๋วบินแก่บริษัททัวร์กว่า 80% เนื่องจากดีมานด์กรุ๊ปทัวร์จีนฟื้นตัวดี แย่งที่นั่งเดินทางมาเที่ยวไทย ส่วนอีก 20% เป็นลูกค้ากลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)

\'ทัวริสต์จีน\' เคลื่อนเศรษฐกิจไทย เครื่องแรงลุ้นแตะ 20 ล้านคนปี 70

 

"ทริปดอทคอม" ยักษ์ OTA จีน ชี้จีนเปิดประเทศ 3 เดือน "ไทย" รั้ง TOP 3

ซุน เทียนซู รองประธานกรรมการ ทริปดอทคอมกรุ๊ป บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ขนาดใหญ่อันดับ 1 ของประเทศจีน เล่าว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในยุคหลังโควิด เป็นกลุ่ม FIT มากขึ้น หรือหากจะเที่ยวเป็นกลุ่ม ก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ที่รู้จักกัน เช่น เพื่อน และครอบครัว แล้วจ้างไกด์นำเที่ยว ต่างจากยุคก่อนโควิดที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนนิยมไปสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แวะเที่ยวไม่นาน ก็เปลี่ยนไปที่อื่นต่อ แต่ปัจจุบันเลือกไปตามความชอบของตัวเอง บ้างสนใจท่องเที่ยวเชิงลึกด้านประวัติศาสตร์ หรือเลือกอยู่แต่ในโรงแรมก็มีมากขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่เลือกเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่มีในประเทศจีน เช่น เที่ยวตามเกาะ และเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งยังเที่ยวนานขึ้นให้คุ้มค่าตั๋วบินที่ต้องจ่ายแพงขึ้น จากเฉลี่ย 3-4 วัน ปัจจุบันอยู่ที่ 6-7 วันต่อทริป

 และนับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ เป็นเวลากว่า 3 เดือน หลังมีผลเมื่อวันที่ 8 ม.ค. “ทริปดอทคอมกรุ๊ป” พบว่านักท่องเที่ยวจีนเสิร์ชหาข้อมูลของประเทศเป้าหมาย เช่น ไทย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐ แต่เวลาตัดสินใจซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวจริง คนจีนเลือก “ประเทศไทย” ติด Top 3 ร่วมกับมาเก๊าและเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากขอวีซ่าเดินทางง่าย มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันดีต่อกันของไทยกับจีน โดยชื่อของ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ติดหนึ่งใน 10 เมืองที่มียอดการค้นหาสูงสุดตลอด และทำให้ยอดจองแพ็กเกจท่องเที่ยวด้วยตัวเองมาประเทศไทยสูงกว่าปี 2562 ก่อนโควิดระบาด! ขณะเดียวกันทริปดอทคอมกรุ๊ปมีแผนโปรโมตเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ มากขึ้นในปีนี้ เช่น กระบี่ และสมุย

ด้านสถานการณ์ยอดจอง “ตั๋วบิน” ในช่วง 3 เดือนแรกกลับมาแล้ว 30% คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ทั้งจำนวนเที่ยวบินและราคาตั๋วบินจะกลับสู่ภาวะปกติเหมือนปี 2562 จากปัจจุบันเส้นทางบิน “ไทย-จีน” ยังมีส่วนต่างราคาตั๋วบินสูงกว่าปกติที่ 400 หยวน (ราว 2,000 บาท) สำหรับเที่ยวบินไป-กลับ และ 500-600 หยวน (ราว 2,500-3,000 บาท) สำหรับเที่ยวบินขาเดียว

“ราคาตั๋วบินมาประเทศไทยยังถือว่าดีกว่าเส้นทางบินไปประเทศอื่นๆ โดยเส้นทางไป-กลับ เซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ ราคาประมาณ 3,000 หยวน หรือราว 15,000 บาท ต่างจากเส้นทางไป-กลับ เซี่ยงไฮ้-โตเกียว ราคา 5,000 หยวน หรือราว 25,000 บาท”

ซุน เทียนซู กล่าวปิดท้ายถึง “ข้อกังวล” ของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อภาคท่องเที่ยวไทยว่า “ในช่วงต้นปีที่ประเทศไทยมีข่าวต่างๆ เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ยอมรับว่าจุดนี้ทำให้คนจีนกังวลเรื่องความปลอดภัยขณะเดินทางมาเที่ยวไทยเหมือนกัน”

“ความอ่อนไหว” ของตลาดจีนเที่ยวไทย เช่น ด้านความปลอดภัย จึงเป็นจุดสำคัญที่ภาครัฐและเอกชนต้องเตรียมแผนรับมือ แม้ที่ผ่านมาจะเกิดเหตุการณ์เชิงลบต่างๆ อาทิ เหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ปี 2558, การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญปี 2559 และเหตุเรือฟีนิกซ์ล่มใน จ.ภูเก็ต ปี 2561 สะท้อนว่าตลาดจีนอ่อนไหวไม่นาน ก็ฟื้นตัวกลับมาเร็วนั้น แต่วิกฤติโควิด-19 ที่ลากยาวร่วม 3 ปีก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการพึ่งพาเสาหลัก “นักท่องเที่ยวจีน” มากจนเกินไป ทำให้ผู้ประกอบการเจ็บลึกยาวนานแค่ไหน

หากแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนแตะ 20 ล้านคนในอีก 5 ปีข้างหน้าเกิดขึ้นจริง! ถึงคราวต้องบริหารความเสี่ยง กระจายความหลากหลายรายตลาดให้ดี เผื่อเกิดแรงสั่นไหวกับตลาดจีนขึ้นอีก จะได้ตั้งรับอย่างทันท่วงที!