'AWC' ลุย 12 โปรเจกต์อสังหาฯ 'เชียงใหม่' พร้อมดึง 5 พันธมิตรโลกปั้นเดสติเนชัน

'AWC' ลุย 12 โปรเจกต์อสังหาฯ 'เชียงใหม่' พร้อมดึง 5 พันธมิตรโลกปั้นเดสติเนชัน

AWC เครื่องร้อน ปลุกภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวแกร่ง เตรียมผนึกพันธมิตรระดับโลกสร้างเดสติเนชันใหม่ 'แหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์' พร้อมลุยอสังหาฯ 12 โครงการใจกลางเมือง 'เชียงใหม่' ปั้นบิ๊กโปรเจกต์ 'ลานนาทีค' ต่อจิ๊กซอว์แลนด์มาร์กสร้างชื่อ เสริมทัพ 'เอเชียทีค' และ 'อควอทีค พัทยา'

การขับเคลื่อนอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ใน จ.เชียงใหม่ ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย และบริษัทแม่ ทีซีซี กรุ๊ป (TCC Group) ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีหลากรูปแบบและล้วนเกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวและบริการ น่าจับตาอย่างยิ่ง ทั้งโครงการที่ได้รับการพัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา รวม 12 โครงการ ตั้งอยู่บนโลเกชันใจกลางเมือง จ.เชียงใหม่ ตรงถนนช้างคลานและบริเวณใกล้เคียง มีเนื้อที่รวมมากกว่า 100 ไร่

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC เปิดเผยว่า AWC มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ “ลานนาทีค” (Lannatique) ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Destination) แห่งใหม่ของ จ.เชียงใหม่ จะประกอบด้วยพื้นที่ของ 3-4 โครงการย่อย ได้แก่ ตลาดกาแล, ไนต์บาซาร์, เดอะ พลาซ่า ซึ่งจะพัฒนาส่วนนี้เป็นบิวตี้คลินิกและโรงแรมระดับอัปสเกล และอาจรวมกับพื้นที่ตลาดอนุสารด้วย จากโครงการอสังหาฯในใจกลางเมืองเชียงใหม่ของ AWC และทีซีซีกรุ๊ปที่มีอยู่รวม 12 โครงการ

AWC ตั้งเป้าหมายพัฒนาโครงการลานนาทีค ให้เหมือนกับโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชัน (Asiatique The Riverfront Destination) ซึ่งเปิดให้บริการครบ 10 ปี ปัจจุบันมีแผนพัฒนาเมกะโปรเจคแบบมิกซ์ยูส ไฮไลต์คือการสร้างตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น ขนาดสูงที่สุดในประเทศไทยให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ มูลค่าลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันยังเตรียมเปิดโครงการ อควอทีค พัทยา (Aquatique Pattaya) มูลค่าลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองพัทยาเช่นกัน

“เหมือนเวลาเราไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เมื่อไปโตเกียว ก็ต้องต่อด้วยเกียวโต ถึงจะรู้สึกว่าไปถึงญี่ปุ่นจริงๆ ประเทศไทยก็เช่นกัน เมื่อมากรุงเทพฯ แล้ว ก็ต้องต่อด้วยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่ตอบโจทย์เรื่องศิลปวัฒนธรรม ไม่มาเชียงใหม่ถือว่ามาไม่ครบ ทาง AWC จึงเตรียมพัฒนาโครงการลานนาทีคให้เป็นแหล่งโชว์เคสรวมความพิเศษและคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของภาคเหนือเอาไว้ มีอาร์ตวิลเลจ (Art Village) มาเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่น เตรียมเปิดเฟสแรกปลายปีนี้”

\'AWC\' ลุย 12 โปรเจกต์อสังหาฯ \'เชียงใหม่\' พร้อมดึง 5 พันธมิตรโลกปั้นเดสติเนชัน

 

++ ผนึกพันธมิตรระดับโลกสร้างเดสติเนชันใหม่

ตอนนี้ AWC กำลังคุยกับพันธมิตรระดับโลก 5 ราย สร้างเดสติเนชันใหม่ใน 4 โครงการ ได้แก่ เอเชียทีค กรุงเทพฯ, อควอทีค พัทยา, ลานนาทีค เชียงใหม่ และเวิ้งนาครเขษม กรุงเทพฯ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับไฮไลต์ โดยกำลังเจรจาเรื่องโมเดลการลงทุน เพราะพันธมิตรบางรายอยากลงทุนเอง ขณะที่บางรายเปิดโอกาสว่าแล้วแต่ AWC ต้องการ ขณะที่บางรายก็ระบุว่าต้องการให้ AWC เป็นผู้ลงทุน

 

++ รร.เชียงใหม่ฟื้นช้า ฝุ่นพิษระยะสั้น แต่กระทบหนัก

สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมของ AWC ใน จ.เชียงใหม่ มี 4 โครงการ คิดเป็นจำนวนห้องพักราว 1,100 ห้อง รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ จะรีแบรนด์เป็น แมริออท เพื่อดึงลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กลุ่มองค์กร และกลุ่มไมซ์ (MICE) ขนาดใหญ่ 2.โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ 3.โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่

และ 4.โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ที่รีแบรนด์จาก อิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ กำลังจะเปิดให้บริการกลางปีนี้ เป็นโรงแรมระดับหรูหรา (ลักชัวรี) ที่สุดของเชียงใหม่ ใส่โมเดลความเป็นพิพิธภัณฑ์เข้าไป อย่างเช่น ห้องพักของ เติ้งลี่จวิน นักร้องเพลงจีนชื่อดัง ขณะมาใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ก่อนเสียชีวิต AWC ก็ยังเก็บห้องพักนี้ไว้เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยก่อนโควิด-19 ระบาด มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากกว่า 300 คนต่อวัน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ แม้จะเกิดในระยะสั้น แต่กระทบหนักเหมือนกัน มีลูกค้าบางรายขอเลื่อนวันเข้าพักในระยะสั้น จึงนับว่าน่าเสียดายอย่างมาก เพราะตอนนี้กำลังเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นไฮไลต์ของภาคท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยโรงแรมของ AWC ในเชียงใหม่ช่วงเทศกาลนี้เกิน 50% ยกเว้นโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ ที่มีอัตราการเข้าพักเต็ม และยังสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพักได้ เช่น ชาวยุโรป จากภาพรวมของอัตราการเข้าพักโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ ที่ถือว่าใช้ได้ ได้เรตราคาห้องพักดี

“สถานการณ์ฟื้นตัวจากโควิด-19 ของโรงแรมในเชียงใหม่ยังทรงๆ ไม่ได้แข็งแรงหรือฟื้นตัวแบบก้าวกระโดด ทำให้ตามหลังเมืองอื่นๆ เช่น ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 80% และมีเรตราคาห้องพักสูงขึ้น 200% เมื่อเทียบกับก่อนโควิดระบาด จึงมองว่าถ้านักท่องเที่ยวจีนกลับมา จะมีส่วนสำคัญทำให้ภาคท่องเที่ยวเชียงใหม่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

         

++ ทุ่ม 800 ล้าน เปลี่ยนโฉม “พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่”

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า AWC ได้เปิดตัว “เดอะ พันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ” (The Pantip Lifestyle Hub) ที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท เปลี่ยนโฉมจากห้างพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ พร้อมปรับมาใช้แนวคิด “Every Happiness For Everyone” หรือ ทุกเวลาสุขสนุกของทุกคน มุ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ทุกกลุ่ม พร้อมสร้างประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Experience) ผ่านร้านค้าและบริการที่ครบครันสำหรับกิจกรรมของทุกคนในครอบครัวบนพื้นที่รวมมากกว่า 13,000 ตร.ม.

ประกอบด้วย 3 ประสบการณ์สำคัญ ได้แก่ 1.Attractions แลนด์มาร์กสำหรับกิจกรรมความสนุกหลากหลายเสมือนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ด้วยการจัดสรรพื้นที่มากกว่า 3,800 ตร.ม. รวบรวมทุกกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว ครบครันด้วยร้านค้าและบริการ ศูนย์การเรียนรู้ชั้นนำ สนามเด็กเล่น เสริมสร้างประสบการณ์สำหรับเด็ก รวมถึงฟิตเนส ศูนย์สุขภาพและความงาม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และพื้นที่สำหรับสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัวได้ในที่เดียว

2.Food Lounge แหล่งรวมร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด รวบรวมเมนูเด่นจากร้านดังยอดนิยมจากแพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่ได้รับความนิยมสูงสุด พาสัมผัสประสบการณ์โลกของอาหารไทยและอาหารนานาชาติหลากหลาย เปี่ยมด้วยคุณภาพวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่ผสมผสานอย่างลงตัวไปกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ควบคู่การจัดสรรพื้นที่ Co–Dining Space เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้มาใช้เวลาร่วมกันในการทานอาหารและการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน ด้วยพื้นที่รวมกันมากกว่า 4,500 ตร.ม.

และ 3.Lifestyle Market แหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคน พร้อมต้อนรับทุกการพบปะสังสรรค์ รวมถึงการริเริ่มโครงการต่างๆ เปิดโอกาสให้ชุมชนและพันธมิตรร่วมสร้างประสบการณ์จัดโปรแกรม อาทิ กลุ่มที่ชื่นชอบสินค้าเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ กลุ่มที่ชื่นชอบงานศิลปะ หรือกลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านและสวน รวมถึงกลุ่มรักสุขภาพ หรือกลุ่มรักกิจกรรมแนวธรรมชาติ และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างคุณค่าระยะยาว ร่วมเติบโตกันกับชุมชน ส่งเสริมคุณค่าศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และส่งต่อคุณค่าที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่ชาวต่างชาติทั่วโลก

“การสร้างประสบการณ์ดังกล่าว ยังรวมถึงการออกแบบพื้นที่ตามศิลปะล้านนาร่วมสมัยทั้งหมด 4 โซน ได้แก่ LANNA GAD โซนพื้นที่ร้านค้าปลีก ซุ้มอาหารเจ้าดัง และซูเปอร์มาร์เก็ต ในบรรยากาศของตลาดล้านนายุคใหม่ LANNA ARTISAN โซนพื้นที่ร้านอาหาร และร้านอุปกรณ์ไอที ครบครันทุกไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ต่อยอดจุดแข็งของศูนย์การค้า LANNA AESTHETIC ศูนย์สุขภาพและความงาม สินค้าแฟชั่น รวมถึงเครื่องใช้แม่และเด็ก และ LANNA AMUSEMENT ศูนย์การศึกษาและพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์”

\'AWC\' ลุย 12 โปรเจกต์อสังหาฯ \'เชียงใหม่\' พร้อมดึง 5 พันธมิตรโลกปั้นเดสติเนชัน