'ทีพีซี' ยืนยัน ไร้เงา 'จีนเทา' เป็นเมมเบอร์ ถือบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

'ทีพีซี' ยืนยัน ไร้เงา 'จีนเทา' เป็นเมมเบอร์ ถือบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

‘ทีพีซี’ ยันไม่มี ‘จีนเทา’ ถือบัตรสมาชิก ‘ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด’ ผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ‘มนาเทศ’ เผยเป้าหมายใหญ่ของบริษัท ลุยทำยอดขายบัตรทะลุครึ่งแสนคนภายในปีงบฯ 2568 กางแผนเปิดตัวการปรับโฉมบัตรใหม่ครั้งใหญ่ไตรมาส 4 นี้ เตรียมเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิก “ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง 1 เดือน กล่าวว่า จากสถานการณ์ “จีนเทา” หรือคนจีนที่แอบแฝงเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย บริษัทได้รับข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีจีนเทาถือบัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

ขณะที่การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครเป็นสมาชิกบัตรรายใหม่มีความเข้มงวดมากขึ้น เช่น จะไม่รับคนที่มาด้วยวีซ่ามูลนิธิ และวีซ่าศึกษาพระธรรม ตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ร้องขอมา ทั้งนี้การส่งข้อมูลผู้สมัครบัตรไปยังสำนักข่าวกรองจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้น ใช้เวลาตั้งแต่ 45-90 วัน

++ ตั้งเป้าเพิ่มเมมเบอร์แตะครึ่งแสนปี 68

สำหรับเป้าหมายของบริษัท ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิกบัตรเป็น 50,000 คนภายในปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2567-ก.ย.2568 จากปัจจุบัน (ณ เดือน มี.ค. 2566) มีจำนวนสมาชิกบัตร 24,000 คน และภายในปีงบประมาณ 2566 จะเพิ่มยอดให้ถึง 30,000 คน โดยคาดว่าตลอดปีนี้จะมีชาวต่างชาติผู้ถือบัตรมาพำนักในไทยมากถึง 15,000-20,000 คน นิยมพำนักที่กรุงเทพฯมากที่สุด รองลงมาคือภูเก็ต และเชียงใหม่

เมื่อดูโครงสร้างสมาชิกบัตรรายตลาด พบว่าจากจำนวน 24,000 คน มีชาวจีนมากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 38% รองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น 8% สหรัฐ 6% สหราชอาณาจักร 6% และเกาหลี 5%

 

++ รุกทำตลาด 'รัสเซีย' ซื้อบัตรฯ หาที่หลบภัยสงคราม

ส่วนตลาดอื่นๆ ที่บริษัทจะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น มีทั้งตลาดรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 3% ติดใน 10 อันดับแรก จากปัจจัยเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ชาวรัสเซียต้องการหนีสงครามมาพำนักระยะยาวในไทย เห็นได้จากการเติบโตของยอดขายคอนโดมิเนียมใน จ.ภูเก็ต แม้ตอนนี้ตัวเลขยอดขายบัตรแก่ชาวรัสเซียจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องเร่งศึกษาตลาดเพื่อเข้าถึงชาวรัสเซียมากขึ้น

“หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านไป มีการผ่อนคลายเปิดประเทศ ทำให้เห็นเทรนด์การย้ายถิ่นฐาน เช่น ชาวรัสเซีย อินเดีย จีน ฮ่องกง และไต้หวัน มากขึ้น โดยประเทศไทยมีจุดขายเรื่องความคุ้มค่าเงิน ทำให้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่ดี มีสงคราม ผู้คนต่างมองหา Shelter ที่ปลอดภัย แล้วประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ง่าย สบาย นี่คือปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของยอดขายบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด”

 

++ จ่อเปิดตัว 'ปรับโฉมบัตรใหม่' ครั้งใหญ่ในไตรมาส 4

นายมนาเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.2566) บริษัทมีแผนจะเปิดตัวการปรับโฉมบัตรในรูปแบบใหม่ (Relaunch) ครั้งใหญ่ ทั้งในมิติบัตรใหม่ สิทธิประโยชน์ใหม่ รูปลักษณ์และอัตลักษณ์ใหม่ รวมถึงแนวทางสื่อสารการตลาดใหม่

บริษัทจะปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์มากขึ้น ด้วยการสรรหาพันธมิตรคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นไดน์นิ่ง ชอปปิง เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เน้นการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ มีอิสระทางการเงิน ครอบคลุมกลุ่มคนทำงาน ผู้เกษียณอายุ ดิจิทัลนอแมด กลุ่มนักลงทุน กลุ่มผู้ที่ต้องการทำงานในประเทศไทย รวมไปถึงกลุ่มองค์กร (Corporate) เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษเหนือระดับ ตลอดระยะเวลาการพำนักระยะยาวในไทย

“มีความเป็นไปได้ว่าก่อนการปรับโฉมบัตรรูปแบบใหม่ อาจขึ้นราคาบัตรสมาชิก จากปัจจุบันราคาเริ่มต้น 6 แสนบาท และสูงสุด 2 ล้านบาท เพราะมองว่าด้วยสิทธิประโยชน์ที่มอบให้สมาชิกขณะนี้ มีโอกาสในการปรับราคาขึ้นได้”

 

++ ครึ่งแรกปี 66 ยอดขายดีผ่านมาครึ่งทาง สู่เป้า 10,000 ใบ

หลังจากผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.2565-มี.ค.2566) ก่อนเข้ารับตำแหน่งฯ บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายบัตรสมาชิกกว่า 3,147 ล้านบาท เติบโต 262% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากยอดขายบัตรสมาชิก 5,041 ใบ เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 254%

“เฉพาะปีงบประมาณ 2566 บริษัทจะขายได้ตามเป้าหมาย 10,000 ใบ เติบโต 100% จากยอดขายปีที่แล้ว มั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมาย หลังจากผ่านมาครึ่งทางแล้ว โดยคาดว่าเป้ายอดขายดังกล่าวจะทำรายได้ 6,000-7,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรภายในประเทศไทยปีนี้อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท น่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศไทยได้กว่า 10,000 ล้านบาท”