'จีนเที่ยวไทย' ทะลักครึ่งปีหลังแน่! แอร์ไลน์ตีปีกฟื้นยอดบินอุดโลว์ซีซัน

'จีนเที่ยวไทย' ทะลักครึ่งปีหลังแน่!  แอร์ไลน์ตีปีกฟื้นยอดบินอุดโลว์ซีซัน

แรงส่งของ “ภาคท่องเที่ยวไทย” ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง สะท้อนชัดจากสถิติช่วงไตรมาส 1/2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยสะสมรวม 6 ล้านคน ส่วนใหญ่กว่า 62% เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ใน “เอเชีย”

ปัจจัยสนับสนุนคือการกลับมาของปริมาณ “เที่ยวบิน” โดยเฉพาะช่วงตารางบินฤดูร้อน 2566 หรือตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป ถึงจะช่วยผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2566 ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แนวโน้มตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางมาประเทศไทยในเดือน เม.ย. ซึ่งมีบิ๊กอีเวนต์ “เทศกาลสงกรานต์” ททท.ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 2.5-3 แสนคน ฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนสะสมกว่า 4.5-5 แสนคน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าตลอดไตรมาส 1 จะมีจำนวน 3 แสนคนเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ททท.ตั้งเป้าปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวน 5 ล้านคน ฟื้นตัว 48% เมื่อเทียบกับสถิติสูงสุดกว่า 11 ล้านคนในปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แต่จากการประเมินแนวโน้มล่าสุดซึ่งเห็นการฟื้นตัวที่ดี คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 6-7 ล้านคน กลับมา 70-75% ทั้งนี้ ททท.จะประเมินปัจจัยแวดล้อมในช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้ง ก่อนปรับเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยตลอดปีนี้

“ส่วนตัวมองว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจากตลาดระยะใกล้ สดใสทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดจีน ซึ่ง ททท.คาดว่าไตรมาส 2 จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 5 แสนคน รวมถึงตลาดอินเดีย และมาเลเซียที่ในเดือน เม.ย.นี้ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้าไทยครบ 1 ล้านคนเป็นชาติแรกในปีนี้”

สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยจำนวนมากอย่างแน่นอนในช่วงครึ่งปีหลังนี้! เหมือนกับภาพคนไทยแห่ไปเที่ยวญี่ปุ่นตอนเปิดประเทศ โดยมองว่าในช่วงแรกๆ คนจีนจะยังไม่ไปเที่ยวจุดหมายระยะไกล เช่น ยุโรป และสหรัฐ เพราะค่าใช้จ่ายสูง จึงเลือกมาเที่ยวประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1

“การกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวจีนคือตัวแปรหลักในการฟื้นตัวของไทยแอร์เอเชียในปี 2566 เราพร้อมบุกตลาดเมืองจีน เพราะนี่คือตลาดที่เราถนัด จะเปิดให้ครบทุกเส้นทางภายในปีนี้แน่นอน สเต็ปต่อไปคือต้องไปแบบลึกขึ้น ขยายเครือข่ายเส้นทางบินตรงจากจีนเข้าเมืองท่องเที่ยวในต่างจังหวัดของไทยมากขึ้น เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต”

ปัจจุบัน “ไทยแอร์เอเชีย” กลับมาให้บริการเส้นทางบิน ไทย-จีน แล้ว 8 เส้นทาง จาก “กรุงเทพฯ” (ดอนเมือง) สู่ กว่างโจว ฉงชิ่ง ฉางชา หางโจว คุนหมิง เซินเจิ้น อู่ฮั่น และหนานจิง คิดเป็นจำนวนเที่ยวบิน 40 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ส่วนไตรมาส 2 จะเปิดอีก 3 เส้นทาง จากกรุงเทพฯ สู่ เฉิงตู ซีอาน และซานโถว (ซัวเถา) พร้อมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินรวมเป็น 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และในไตรมาส 3 และ 4 จะเปิดอีก 4 เส้นทาง จาก “เชียงใหม่” เมืองยอดนิยมอีกแห่งของนักท่องเที่ยวจีน สู่ ฉางชา ปักกิ่ง เซินเจิ้น และหางโจว พร้อมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ได้ใกล้เคียงของเดิมก่อนเกิดโควิดที่ 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

“ตอนนี้ไทยแอร์เอเชียเตรียมแผนสอง (Plan B) เอาไว้ว่า อาจจะเช่าเครื่องบินอีก 5 ลำใหม่ในไตรมาส 4 นี้ เพื่อนำมารองรับดีมานด์นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทย ทำให้สิ้นปี 2566 ไทยแอร์เอเชียจะมีฝูงบินเพิ่มจาก 53 ลำ เป็น 58 ลำ และสามารถขยับเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดในปีนี้เพิ่มจาก 20 ล้านคน เป็น 22 ล้านคน โดยมีสัดส่วนผู้โดยสารชาวจีน 20% ของทั้งหมด ทำรายได้ในสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมด”

และในปี 2570 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยแตะ 20 ล้านคน! โดยคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตั้งเป้าไว้สูงถึง 80 ล้านคนในปีดังกล่าว

จาง อู่อัน รองประธาน บริษัท สปริงแอร์ไลน์ จำกัด กล่าวว่า จากยอดจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าเส้นทางระหว่าง ไทย-จีน ในไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ พบว่านักท่องเที่ยวจีนตอบรับดี เช่น ช่วงหยุดยาววันแรงงาน 5 วัน (29 เม.ย.-3 พ.ค.) ทางสปริงแอร์ไลน์ได้จัดโปรโมชั่นขายตั๋วเครื่องบิน มีกระแสการจองเข้ามาเต็ม 100% ขณะที่แนวโน้มในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เดือน ก.ค.-ส.ค. ซึ่งถือเป็นไฮซีซันของนักท่องเที่ยวจีนตลาดเอาต์บาวด์ (Outbound) ออกเที่ยวต่างประเทศ พบว่ามียอดจองตั๋วเครื่องบินมาเที่ยวประเทศไทยมหาศาล!

สำหรับช่วง “ตารางบินฤดูร้อน 2566” ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 26 มี.ค. สปริงแอร์ไลน์ได้เดินหน้าเปิดเส้นทางใหม่ “กรุงเทพฯ-เฉิงตู” และเพิ่มความถี่เที่ยวบินของเส้นทาง “กรุงเทพฯ-เจียหยาง” และ “กรุงเทพฯ-หนิงโป” ทำให้มีจำนวนเที่ยวบินรวม เพิ่มเป็น 82 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ บินตรงจากประเทศไทย 3 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต สู่ 12 เมืองสำคัญของประเทศจีน ฟื้นตัวมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับจำนวนเที่ยวบินรวม 148 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สู่ 19 เมืองของประเทศจีนเมื่อปี 2562

“เราประเมินว่าภายในปีนี้จะสามารถกลับมาให้บริการเส้นทางบิน ไทย-จีน ได้เหมือนปี 2562 และคาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาตั๋วเครื่องบินทั้งเส้นทางภายในประเทศจีนและระหว่างประเทศ จะปรับตัวลดลงกลับไปเท่าเดิมเมื่อซัพพลายเที่ยวบินฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ จากปัจจุบันราคาตั๋วเครื่องบินยังสูงกว่าเมื่อปี 2562 มากกว่า 20%”