วิชั่นใหม่ ‘ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค’ เร่งโต 2 เท่า ชิงแชร์ 1% ทุกปี ลุยพอร์ตไม่อัดลม
ครบ 5 ปี การเดินทางใหม่ของยักษ์น้ำอัดลมระดับโลก “เป๊ปซี่โค” ในไทย ที่บริษัทในเครือร่วมทุนกับบิ๊กเครื่องดื่มจากญี่ปุ่น “ซันโทรี่” ตั้ง "ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ ประเทศไทย” ขับเคลื่อนสินค้าพระเอกน้ำดำ “เป๊ปซี่” ให้เติบโต และทะยานสู่การเป็น “ผู้นำ” ให้ได้อีกครั้ง
ย้อนรอย 5 ปีก่อน วิสัยทัศน์ของบริษัท มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มี 5 กลยุทธ์ในการทำตลาด จนประสบความสำเร็จด้านยอดขาย และส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำอัดลม ทว่า ปี 2566 บริษัทได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็น “บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง” หรือ the Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity
อชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพความสำเร็จในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทสร้างการเติบโตยอดขายเติบโต 5.9% สูงกว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกออฮอล์ราว 3 เท่าตัว และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ 2.6% สินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพเติบโต 58% และน้ำอัดลม(น้ำดำ)ปราศจากน้ำตาลมีการเติบโต 19%
นอกจากนี้ ยังมีการขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มสู่กลุ่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มชูกำลังพรีเมี่ยมแบรนด์ “ร็อคสตาร์” ชาพร้อมดื่ม “ทีพลัส” นอกเหนือจากชาลิปตัน และกาแฟพร้อมดื่ม “บอส คอฟฟี่” เข้าทำตลาด เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญในการร่วมมือพันธมิตรเพื่อขยายฐานคู่ค้า ช่องทางจำหน่ายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นร้านค้าทั่วไป ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เครือข่ายร้านอาหาร ตลอดจนช่องทางอีคอมเมิร์ซเติบโตถึง 2 เท่า
สำหรับปี 2566 บริษัทได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากสุดในประเทศไทย สานภารกิจในการเป็น “ผู้นำตลาด” โดยเฉพาะน้ำอัดลมประเภทโคล่าหรือน้ำดำ ให้ได้อีกครั้ง รวมถึงให้น้ำหนักการขยายพอร์ตโฟลิโอสู่เครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลม กระตุ้นยอดขายให้เติบโต จากปัจจุบันยอดขายน้ำอัดลมมีสัดส่วนใหญ่สุด 70%
“เป๊ปซี่โค มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปีในตลาดโลก มีความแข็งแกร่งในการวิจัยตลาด เมื่อผสานกับความแข็งแกร่งทั้งการพัฒนา ผลิตสินค้าสินค้าตอบสนองความต้องการผู้บริโภค การจัดจำหน่าย การขายทำให้ 5 ปีที่ผ่านมา การทำธุรกิจประสบความสำเร็จเกินคาด ส่วนการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต เรายังคงต้องการจะเป็นที่ 1 ในตลาดน้ำอัดลม..สักวันหนึ่ง”
แนวทางการดำเนินธุรกิจจากนี้ไป บริษัทให้ความสำคัญกับ 3 หลักการ ประกอบด้วย GEMBA การเข้าถึงและเข้าใจความต้องการผู้บริโภค คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ตลอดจนสังคม YATTE MINAHARE การปฏิบัติที่สะท้อนจิตวิญญาณของผู้กล้า ในการลงมือทำ ไม่กลัวอุปสรรค หรือย่อท้อ พร้อมเผชิญทุกความท้าทาย เพื่อก้าวไปข้างหน้า และ AGILE MINDSET ที่หลอมรวม 2 คำแรก ให้เป็นผู้ที่พร้อมคิดพร้อมทำ พร้อมปรับตัว ทันต่อสถานการณ์
“การปรับวิชั่นครั้งนี้ ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเรายังมุ่งสร้างสินค้าที่ดีตอบสนองผู้บริโภค ผลักดันการเติบโตใน 5 ปีข้างหน้าเฉลี่ยสูงกว่าตลาด 2 เท่า เช่น ตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เติบโต 2-3% บริษัทต้องเติบโต 4-6% รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเฉลี่ย 1% ต่อเนื่องทุกปี พร้อมกันได้จะโฟกัสการเข้าใจผู้บริโภค ลูกค้าหรือคู่ค้า ผู้ถือหุ้นและสังคมมากขึ้น รวมถึงวิธีการคิด ที่คิดแล้วต้องทำเร็วให้ทันการณ์ เพื่อสานต่อกลยุทธ์ทั้งหมดให้ประสบความสำเร็จ”
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกฮอล์ในอนาคต บริษัทคาดการณ์ดังนี้ โคล่าหรือน้ำดำ จะยังคงครองสัดส่วนใหญ่สุด 72% ของตลาดน้ำอัดลม และมีสัดส่วน 35% ของเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น โคล่าปราศจากน้ำตาลจะมีขนาดใหญ่ขึ้น 2 เท่า จากปัจจุบันสัดส่วน 10% ของตลาดน้ำอัดลม แต่ปี 2565 เติบโตราว 30%
นอกจากนี้ กลุ่มน้ำอัดลมใหม่ๆเข้าถึงผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 12 เท่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ชาพร้อมดื่มเติบโต 23% กาแฟพร้อมดื่มเติบโต 11% และบริษัทมอง 5 ปีข้างหน้า หมวดเครื่องดื่มชูกำลังจะเติบโตสูงสุดของตลาด เป็นต้น
“เครื่องดื่มประเภทโคล่ายังโตต่อ และเรามีชา กาแฟพร้อมดื่ม ต้องรักษาการเติบโต รวมถึงมีแผนออกสินค้าใหม่เสริมทัพอีกหลายรายการ”
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปี 2565 มีมูลค่า 1.5-2 แสนล้านบาท(ไม่รวมน้ำเปล่า และมิกเซอร์) บริษัทมีแบรนด์สินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภคใน 7 หมวด และ 9 แบรนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมาย เช่น เป๊ปซี่ ชาลิปตัน ทีพลัส ร็อคสตาร์ บอส คอฟฟี่ น้ำดื่มและน้ำแร่อควาฟินา เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด เป็นต้น
