ถอดสูตรการปั้น'ชินคันเซ็นซูชิ'ให้โตถึงพันล้านบาทกับสองบิลเลียนแนร์ใหม่

ถอดสูตรการปั้น'ชินคันเซ็นซูชิ'ให้โตถึงพันล้านบาทกับสองบิลเลียนแนร์ใหม่

จากนักศึกษาปีสาม คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมหุ้นสองคนเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น “ชินคันเซ็น ซูชิ” ด้วยเงินลงทุนก้อนแรกคนละแสนบาท ใช้เวลาร่วม 9 ปีขยายสาขาถึง 44 สาขาทั่วไทย สร้างยอดขายเติบโตถึงพันล้านบาท ล่าสุดเปิดแบรนด์ใหม่ “นักล่าหมูกระทะ”

เปิดน่านน้ำธุรกิจที่มีการแข่งขันแบบเรดโอเชียนกับ ธุรกิจร้านอาหารในไทยที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะตลาดร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นอีกตลาดที่มีแบรนด์จำนวนมาก ทั้งแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น การลงทุนของผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ 

แต่การมาของแบรนด์น้องใหม่ในตลาดอย่าง “ชินคันเซ็น ซูชิ” ที่ใช้เวลาเพียง 9 ปี ปฏิวัติวงการร้านอาหารในไทยในหลายๆ ด้าน และยังขยายสู่โมเดลร้านอาหารใหม่กับ "นักล่าหมูกระทะ" ด้วยสองผู้ก่อตั้งที่มีอายุ 28 และ 29 ปี
 

นายศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล และ นายชนวีร์ หอมเตย สองผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารร้าน ชินคันเซ็น ซูชิ บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึง สิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจร้านอาหารที่ผ่านมา จะต้องมุ่งปรับตัวอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เพื่อสร้างองค์กรให้สามารถขยายธุรกิจได้เติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับการมุ่งพัฒนาและหาโอกาสใหม่ๆ เห็นได้ชัดเจนจากในช่วงโควิดที่ร้านปรับตัวเพิ่มเมนูอาหารกลุ่มใหม่ และเร่งขยายช่องทางผ่านเดลิเวอรี ทำให้ยอดขายในช่วงปี 2564 เติบโต 20%

หากย้อนกลับไปถึงเส้นทางการทำธุรกิจร้าน ชินคันเซ็น ซูชิ (Shinkanzen Sushi) ของทั้งคู่ เริ่มตั้งแต่ปี 2558 ได้เปิดสาขาแรกในช่วงเรียนปีที่สาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี โดยได้ใช้เงินลงทุนก้อนแรกลงทุนคนละ 1 แสนบาท พร้อมได้ไปลงเรียนหลักสูตรการปั้นซูชิ ที่มีค่าเรียนหลักสองพันบาท และมาปรับสูตรใหม่ด้วยตัวเอง

ก่อนมาเปิดสาขาแรกในบริเวณมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ เนื่องจากพบว่า ในบริเวณพื้นที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นจำนวนน้อย และทั้งคู่อยากมีร้านอาหารของตัวเองจำนวนหนึ่งร้าน โดยได้ผลตอบรับดีมาก ปีต่อมาจึงได้ขยายสู่การจัดตั้ง บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป และมีการขยายสาขาเพิ่มในปีต่อมา หลังจากนั้น จึงขยายสาขาในห้างเป็นครั้งแรกในปี 2560 นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพราะทำให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น และสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ต่อมาได้ขยายสู่ โมเดลร้าน ชินคันเซ็น โอมากาเสะ (Shinkanzen Omakase) ในปี 2562 เป็นร้านพรีเมี่ยมมีราคา 1,500-3,000 บาท พร้อมมีการขยายสาขาของ ชินคันเซ็นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันมีสาขารวม 44 สาขา

"จุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์ชินคันเซ็นซูชิคือ การเปิดสาขาในห้าง โดยเฉพาะสาขาที่สยาม ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก จึงทำให้ห้างแห่งอื่นๆ เห็นและสนใจเข้ามาเปิดให้บริการ" 

ส่วนในปี 2565 ได้มี บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี (CRG) หนึ่งในผู้นำธุรกิจเชนร้านอาหารของประเทศ เข้ามาร่วมลงทุนในบริษัท ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 51% เงินลงทุน 520 ล้านบาท โดยเข้ามาร่วมสนับสนุนทั้งระบบและเครือข่ายวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงระบบหลังบ้าน เพื่อร่วมมือสร้างการเติบโตแบบแข็งแกร่ง ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายจะมีสาขาให้ครบ 100 สาขาในอนาคต ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย และสนใจขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ

“ข้อดีของการเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำธุรกิจคือ การคิดและลงมือทำอย่างรวดเร็ว โดยในสาขาแรกไม่ได้มีการทำแผนธุรกิจมากนัก ใช้เวลาเพียงสองเดือนก็เริ่มเปิด"

ถอดสูตรการปั้น\'ชินคันเซ็นซูชิ\'ให้โตถึงพันล้านบาทกับสองบิลเลียนแนร์ใหม่

ต่อยอดสู่ร้าน “นักล่าหมูกระทะ” ร้านน้องใหม่ที่กำลังมาแรง 

ความสำเร็จจากการเปิดร้าน “ชินคันเซ็น” ทำให้ทั้งคู่ไม่หยุดความฝันการทำธุรกิจร้านอาหารไว้เท่านั้น ยังมองโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจร้านอาหารและมีการศึกษาตลาดอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าสู่การสร้างแบรนด์ใหม่ “นักล่าหมูกระทะ” (Nakla Mookata) ได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ที่มี 40 โต๊ะ จำนวน 150 ที่นั่ง เปิดให้บริการในเดือน สิงหาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา จึงเกิดการแชร์และบอกต่อในโลกโชเชียลแบบไวรัล สร้างกระแสตอบรับแบบท่วมท้นเช่นกัน และกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการรีวิวอันดับหนึ่งในแอปพลิเคชั่น Wongnai แล้ว

แต่เบื้องหลังก่อนที่จะมาเปิดร้านแห่งนี้ ทั้งคู่ได้มีการศึกษาข้อมูลตลาดหมูกระทะมาในเชิงลึก และได้ไปดูตลาดในต่างประเทศ โดยพบว่า ลูกค้าต่างชาติรู้จักกับเมนูอาหารหมูกระทะของไทย ส่วนปัญหาของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาทานในร้านหมูกระทะ ทั้งอากาศที่ร้อน เรื่องกลิ่นอาหารที่ติดเสื้อผ้า เรื่องความสะอาด และวัตถุดิบ ทำให้นำมาสู่ร้านแบรนด์ใหม่นี้ที่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าทั้งหมด ทั้งการเป็นร้านอาหารหมูกระทะที่เปิดเครื่องปรับอากาศ การมีที่ดูดควันในร้าน ทำให้เสื้อผ้าไม่มีกลิ่นติด การจัดวางร้านที่สะอาด

การวางโมเดลธุรกิจที่แตกต่าง 

ทั้งสองคน ระบุว่า การเปิดร้านใหม่ “นักล่าหมูกระทะ” เป็นการคิดที่แตกต่างจาก ร้านชินคันเซ็นทั้งหมด โดยในตลาดอาหารกลุ่มหมูกระทะที่เป็นเชนร้านอาหาร จะมีแบรนด์ในกลุ่มพรีเมี่ยม แต่ในตลาดแมส ยังไม่มีแบรนด์หลักในตลาดจึงต้องการขยายกลุ่มนี้ การกำหนดราคาที่คุ้มค่า 279 บาท พร้อมกำหนดระยะเวลาในการเปิดให้บริการจนถึงตีสอง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยากทานอาหารในรอบดึก ซึ่งได้วางเป้าหมายจะเป็นแบรนด์ดาวรุ่ง จะให้น้ำหนักการขยายสาขามากขึ้นนับจากนี้ไป

แผนการขยายสาขาใหม่ในปี 2566 จะเปิดเพิ่ม 4 สาขา จากในปัจจุบันมีสาขาที่ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ทำให้สิ้นปีนี้มีสาขารวม 5 สาขา โดยวางเป้าหมายในระยะ 5 ปีนับจากนี้จะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 40 สาขา

สำหรับผลประกอบการรวมในปี 2565 มียอดขายรวมที่ 1,200 ล้านบาท เติบโต 57% ส่วนในปี 2566 ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 25% พร้อมวางเป้าหมาย 3 ปีนับจากนี้จะมียอดขายรวมที่ 2,000 ล้านบาท ส่วนร้านชินคันเซ็นซูชิ วางเป้าหมายในช่วง 3 ปีจะเปิดสาขาเพิ่ม 30 สาขา ทำให้มีสาขาเปิดให้บริการรวม 70 สาขา