จับตา! แม็คโคร พลิกโฉมใหญ่ตั้งแต่ต้นปี เร่งตลาดในประเทศ รุกสู่เอเชีย   

ชี้สัญญาณเศรษฐกิจ กำลังซื้อฟื้น แม็คโคร เร่งแผนลงทุน เดินหน้าเปิดสาขา จัดทำแอปพลิเคชั่นใหม่ Makro PRO วางแผนสร้างโชห่วยไทยแข็งแกร่ง พร้อมชี้โอกาสธุรกิจอาหารและร้านอาหารกำลังเติบโต จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทย โดยคาดว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้จะมีจำนวนถึง 80 ล้านคน

การปรับตัวครั้งใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกไทย กับยักษ์ค้าส่งรายใหญ่ "แม็คโคร" เร่งพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ตั้งแต่ต้นปี ทั้งการเปลี่ยนใช้ชื่อ บริษัทใหม่สู่ "ซีพี แอ็กซ์ตร้า" และใช้ตัวย่อหุ้นว่า CPAXT จากที่ผ่านมา ใช้ชื่อ บริษัท สยามแม็คโคร มาโดยตลอด ส่วนชื่อห้างค้าส่ง "แม็คโคร" จะอยู่เหมือนเดิม 

ทั้งนี้บริษัทได้อธิบายเหตุผลในเรื่องนี้ เพื่อสื่อถึงทิศทางของธุรกิจ ที่มีการทำธุรกิจทั้งค้าส่งและค้าปลีก การเป็นบริษัทนานาชาติที่ทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยในกลุ่มซีพี มีความชำนาญในธุรกิจที่หลากหลาย และมีการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย

นอกจากนี้ยังแสดงถึง การขยายธุรกิจของแม็คโครนับจากนี้ไป จะไม่ได้เน้นเฉพาะขยายสาขาในไทย แต่จะก้าวสู่การเป็นผู้เล่นในระดับเอเชีย โดยในปัจจุบันมีการขยายสาขาในภูมิภาคเอเชียแล้วหลายประเทศ

 

รุกสู่ Makro PRO มุ่งออมนิแชนแนลเต็มรูปแบบ
การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชั่นของ แม็คโคร ไปสู่แอปพลิเคชันใหม่ “Makro PRO” ให้เป็น Super App จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งรายย่อยและร้านค้าส่งทั่วประเทศ มีจำนวนสินค้ารวม 50,000 เอสเคยู มีจำนวนมากกว่าช่องทางออฟไลน์ ที่มีสินค้ารวม 20,000 เอสเคยู

พร้อมปรับให้แอปพลิเคชั่นของแม็คโครที่มีอยู่ทั้ง แม็คโคร ออนคลิก และ maknet จะทยอยปรับลูกค้าไปสู่ Makro PRO ทั้งหมด เพื่อรองรับการก้าวสู่ผู้นำค้าส่งออมนิแชนแนลเต็มรูปแบบ

นำเสนอสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากขึ้น
การมุ่งเสนอสินค้ากลุ่มใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง แม็คโครและโลตัส ในการสร้างสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ทั้ง “แน็คซ์แน็คซ์” แบรนด์ขนมขบเคี้ยว กลุ่มขนมเบเกอรี่แบรนด์ เพรสทิโก (Prestigo)  และกลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพู ครีมอาบน้ำ ภายใต้แบรนด์ ALIV เป็นต้น

ขยายโมเดลใหม่ค้าปลีกค้าส่งผสม
การเปิดโมเดลขยายสาขารูปแบบใหม่ โดยได้มีการเปิดสาขาแม็คโครและโลตัส สาขารังสิต คลอง 2 อยู่ในพื้นที่ติดกัน และประสบความสำเร็จ ทำให้มีความสนใจที่ศึกษาโมเดลรูปแบบนี้ที่มีทั้งห้างค้าส่งและค้าปลีกอยู่ด้วยกันทั้งแม็คโครและโลตัส ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา

สำหรับแผนการเปิดสาขาใหม่ในปี 2566 แม็คโครได้วางงบประมาณในการขยายสาขารวม 12 สาขา และเป็นการขยายสาขาในต่างประเทศรวม 4-6 สาขา ทั้งในประเทศอินเดีย จีน เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการขยายสาขาใหม่กับ “แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส” สาขาสนามบินน้ำ มีพื้นที่ขายกว่า 3,000 ตารางเมตร มีสินค้าทั้งอาหารสด อาหารแห้ง สินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 4,000 รายการ

นอกจากการปรับกลยุทธ์หลายๆ ด้านในห้างค้าส่งแม็คโครแล้ว แต่สิ่งที่แม็คโคร ยังมุ่งให้ความสำคัญมาโดยตลอดกับผู้ประกอบการ ร้านค้าโชห่วยทั่วประเทศ ที่มีการพัฒนาและส่งเสริมหลากหลายรูปแบบ 

 

เร่งยกเครื่องร้านค้ารายย่อย
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 34 ปีที่ผ่านมา แม็คโคร ได้ผลักดันธุรกิจค้าปลีกรายย่อยและเอสเอ็มอีในทุกด้าน โดยเฉพาะโชห่วยที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ด้วยการให้ความรู้และสร้างโชห่วยยุคใหม่ ผ่านโครงการมิตรแท้โชห่วย พร้อมร่วมมือกับโชห่วยกว่า 5 แสนร้านค้า เพื่อมุ่งรวมศูนย์องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งเทคนิคการบริหารร้านค้า ให้พัฒนาขึ้นเป็น สมาร์ทโชห่วย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และให้รักษาเสน่ห์ความเป็นศูนย์กลางชุมชน

ทั้งนี้ได้นำเสนอทางเลือกการทำร้านค้าปลีกแบบสำเร็จรูป ผ่านโมเดลร้านค้าปลีกชุมชน 2 รูปแบบ คือ 1.ร้านมิตรแท้โชห่วย  2.ร้านบัดดี้มาร์ท ภายใต้การนำเทคโนโลยีไปร่วมยกระดับร้านค้า ให้พร้อมแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

นายสรวิทย์ จิตรธรรม ประธานการจัดงาน ตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 13 กล่าวว่า การจัดงานตลาดนัดโชห่วยในปี 2566 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มิตรแลนด์ ดินแดนสมาร์ทโชห่วย” รวบรวมองค์ความรู้ที่จะช่วยโชห่วยให้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 26 มี.ค.นี้ที่ ฮอลล์ 6 - 7  อิมแพ็ค เมืองทองธานี