ก้าวรุก ‘อีฟแอนด์บอย’บุกอาเซียน ดึง‘มาร์ค ต้วน’ สื่อสารแบรนด์ริจินัล

ตลาดเครื่องสำอางไทยยังคงโตร้อนแรงรับเปิดประเทศ "อีฟแอนด์บอย" บิวตี้สโตร์สัญชาติไทย เปิดเกมรุกครั้งใหญ่ประกาศตัวมุ่งสู่ริจินัลแบรนด์ ดึงศิลปินระดับโกลบอล “มาร์ค ต้วน” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เพื่อสื่อสารเข้าถึงผู้คนทั่วโลก
หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบิวตี้สโตร์มีการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งอีฟแอนด์บอย (EVEANDBOY) พร้อมรุกขยายตลาดจากจุดแข็งความเป็นร้านบิวตี้สโตร์ที่มีเครื่องสำอางครบทุกกลุ่มทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ สินค้าครอบคลุมกว่า 1 แสนรายการ โดยมีสินค้าแบรนด์ไทยประมาณ 100 แบรนด์ ภายใต้ราคาสินค้าหลากหลายตั้งแต่ราคาระดับต่ำจนถึงระดับสูงเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ด้วยเครือข่ายกระจาย 18 สาขา
"เป็นจุดแข็งที่ทำให้ร้านอีฟแอนด์บอยแข่งขันได้ในตลาดมายาวนานเป็นระยะเวลาร่วม 17 ปี นับเป็นบิวตี้สโตร์รายเดียวในไทย ที่มีสินค้าหลากหลาย สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งชัดเจน”
ด้วยการดึงศิลปินระดับโลก “มาร์ค ต้วน” (Mark Tuan) มาร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรกของอีฟแอนด์บอย สะท้อนและสื่อสารแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก อีฟแอนด์บอย ร้านบิวตี้สโตร์ ของประเทศไทย ในวงกว้าง ทั้งกลุ่มพันธมิตรที่เป็นแบรนด์เครื่องสำอางและกลุ่มลูกค้าทั่วโลก
แคมเปญจะปูพรมสื่อทุกแพลตฟอร์มทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ เอาต์ออฟโฮม BTS และร่วมกับ 40 แบรนด์ผลักดันแคมเปญพิเศษนี้ พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาที่สะท้อนว่าทุกคนสามารถเจิดจรัส เปล่งประกายแบบ มาร์ค ต้วน ได้ เพียงเข้ามาเป็นครอบครัว “อีฟแอนด์บอย” ที่เปรียบเสมือนจักรวาลแห่งความงามของทุกคน โดยจะมีโปรเจกต์เอ็กซ์คลูซีฟในส่วนของการส่งเสริมการขาย กิจกรรมของลูกค้าและแฟนคลับ
แผนการตลาดเชิงรุกนี้จะสร้างโอกาสให้ “แบรนด์ไทย” ในสโตร์! เป็นที่รู้จักของลูกค้าชาวไทยและต่างชาติมากขึ้นด้วย โดยลูกค้าที่เข้าใช้บริการในร้านอีฟแอนด์บอย เป็นต่างชาติ 10% และพบว่ามีลูกค้าชาวจีนชื่นชอบแบรนด์เครื่องสำอางไทยอย่างมาก เชื่อว่าจะขยายฐานลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 15% ส่วนลูกค้าหลักยังเป็นคนไทย
อีกก้าวสำคัญของอีฟแอนด์บอยวางเป้าหมายขยายสาขาในภูมิภาคอาเซียน รองรับศักยภาพตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเมืองไทย เตรียมเปิด 3 สาขาใหม่ในปีนี้
“ความมั่นใจที่ทำให้อีฟแอนด์บอยรุกขยายตลาดใหม่ในปีนี้ มาจากปัจจัยบวกทั้งตลาดเครื่องสำอางที่กลับมาขยายตัวได้ดี จากแรงหนุนการเปิดประเทศรอบใหม่ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต และการกลับมาใช้ชีวิตในวิถีปกติ ทำให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีการขยายตัว 60% สูงเกินเป้าหมายที่วางไว้”
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่มาแรงจะเป็น กลุ่มเมคอัพ ที่มีการขยายตัว 71% มากที่สุด เนื่องจากการกลับมาทำงานตามปกติ การผ่อนคลายมาตรการให้ถอดหน้ากากอนามัยได้นั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มเมคอัพได้รับการตอบรับสูง
จากแนวโน้มการเติบโตที่มากกว่าปกติ! เชื่อว่าภาพรวมยอดขายปี 2566 จะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19