ตลาดของเล่นเด็กปี 66 พุ่ง 1 หมื่นล้านบ. หนุนฮับส่งออก ดึงงานระดับโลกมาไทย

ตลาดของเล่นเด็กปี 66 พุ่ง 1 หมื่นล้านบ. หนุนฮับส่งออก ดึงงานระดับโลกมาไทย

สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย คาดการณ์ตลาดของเล่นเด็กไทยในปี 2566 ส่งออกโต 10% บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค ดึงงานของเล่นใหญ่สุดในโลกมาจัดในไทยครั้งแรก Kind + Jugend ASEAN 2023 สร้างตลาดของเล่นเด็กไทยเติบโต ดันไทยฮับตลาดของเล่นในภูมิภาค  

ตลาดสินค้าที่มาแรงและเติบโตในทุกปีกับตลาดของเล่นเด็ก เนื่องจากกลุ่มพ่อแม่จะให้ความสนใจเลือกซื้อของเล่นให้ลูกเสมอ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างไรก็ตาม ทำให้ผู้ประกอบการ "เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค" ดึงงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 มาจัดที่ไทยครั้งแรก

นางอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดของเล่นเด็กในปี 2566 ยังมีแนวโน้มที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง และเทรนด์ของกลุ่มผู้ประกอบการไทยมีการปรับดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งไปสู่การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่สร้างความยั่งยืน ตอบรับกับเทรนด์ในตลาดโลก
 

 

ตลาดของเล่นเด็กปี 66 พุ่ง 1 หมื่นล้านบ. หนุนฮับส่งออก ดึงงานระดับโลกมาไทย สำหรับตลาดส่งออกของเล่นเด็ก ในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่า จะมีการขยายตัว 10% หรือมีมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากในปี 2565 ตลาดมีมูลค่าประมาณ 9,800 ล้านบาท ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดหลักในการผลิตของเล่นสำหรับในกลุ่มไม้ ขณะที่ตลาดส่งออกหลักได้แก่ ตลาดสหรัฐ ที่หันมาซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้น ตั้งแต่สถานการณ์โควิดที่จีนมีการปิดประเทศและมีปัญหาเรื่องคุณภาพของการผลิต ส่วนตลาดที่ส่งออกรองลงมา กลุ่มภูมิภาคยุโรป เยอรมนี อังกฤษ และจีน

“ภาพรวมกลุ่มผู้ปกครองจะมีการซื้อของสำหรับลูกประมาณ 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และเป็นสัดส่วนดังกล่าว จะเป็นการซื้อของเล่นเด็ก ในสัดส่วน 10% มีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากที่ผ่านมามีสัดส่วน 5% และของเล่นที่กำลังมาแรงในโลกจะเป็น กลุ่ม STEM toys เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก”

 

ตลาดของเล่นเด็กปี 66 พุ่ง 1 หมื่นล้านบ. หนุนฮับส่งออก ดึงงานระดับโลกมาไทย ดึงงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 จัดครั้งแรกในไทย
นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 หรือ งานคิน เซี่ยน อาเก้นยูอัน โดยเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และของใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กแห่งภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยได้จัดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้โคโลญเมสเซ่ ที่เป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าของเล่นเด็กใหญ่สุดในโลก ได้ต้องการขยายตลาดงานจัดแสดงสินค้าที่เกี่ยวของเล่นเด็กมากขึ้น จึงเลือกที่ประเทศไทย โดยจากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ตลาดของเล่นเด็กในประเทศมีมูลค่ามากกว่า 4 หมื่นล้านบาท

สร้างไทยฮับตลาดของเล่นในภูมิภาคอาเซียน

งานเป็นการจัดในรูปแบบ B2B และจัดว่าจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการเจรจาการค้า การเจรจาธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน พร้อมดึงผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมแม่และเด็กทั่วโลกเข้ามาในไทย

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีผู้ผลิตสินค้าของเล่นเด็กจากทั่วโลก รวม 200 แบรนด์เข้าร่วมงาน ทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งจาก ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม    แคนาดา เดนมาร์ก เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น โดยคาดว่างานนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน และเกิดมูลค่าการซื้อขายในงานรวมกว่า 1,000 ล้านบาท จึงช่วยกระตุ้นตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในภูมิภาคอาเซียนเติบโตมากขึ้น

งาน Kind + Jugend ASEAN 2023 งานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และของใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กแห่งภูมิภาคอาเซียน มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 เม.ย. 2566 ที่ไบเทค บางนา โดยงานงานยังมีการจัดเวทีสัมมนากับเทรนด์ตลาด และการจัดเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ

ตลาดของเล่นเด็กปี 66 พุ่ง 1 หมื่นล้านบ. หนุนฮับส่งออก ดึงงานระดับโลกมาไทย

อพวช. เปิดของเล่นเด็กกลุ่ม Stem toy ที่มาแรงในโลก

ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่า อพวช. ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการในงานเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมนำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับเด็ก ที่จะเปิดให้ภาคเอกชนทั้งในไทยและต่างประเทศ สามารถเข้ามาร่วมมือเพื่อต่อยอดงานวิจัยไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเล่นเด็กทำตลาด คาดว่าจะเกิดการเจรจาความร่วมมือต่อยอดงานวิจัยได้ประมาณ 10 รายการ โดยในปัจจุบัน อพวช. มีกลุ่มสินค้าที่เป็น STEM toys ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการและความรู้ทั้งด้าน วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ รวมประมาณ 10 ชุด

“อพวช. มีงานนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับเด็ก พร้อมที่จะเปิดให้ภาคเอกชนนำไปต่อ ยอดจัดกิจกรรมในรูปแบบ CSR ตามโรงเรียนต่างๆ เชื่อว่าจะเป็นการสร้างประโยชน์และเพิ่มพัฒนาการให้แก่เด็กๆ ในประเทศไทยอย่างมาก”

นอกจากนี้ อพวช. ยังมีของเล่นเด็ก ที่พัฒนาจากภูมิปัญญาไทย โดยหากมีการร่วมมือพัฒนาและนำไปขยายตลาด พร้อมกับการส่งเสริมของเล่นกลุ่ม STEM toys จะร่วมเพิ่มมูลค่าตลาดของเล่นเด็กและร่วมเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อีกทาง