ลุ้นชะตากรรม “ติ๊กต็อก" หลังทุ่มงบหลายสิบล้านดอลล์ล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐ

ลุ้นชะตากรรม “ติ๊กต็อก" หลังทุ่มงบหลายสิบล้านดอลล์ล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐ

สองสามปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่แอปติ๊กต็อกและบริษัทแม่ไบท์แดนซ์ของจีนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีกับรัฐบาลวอชิงตัน ทุ่มทุนให้ล็อบบียิตส์หลายล้านดอลลาร์ที่ใกล้ชิดกับสองพรรคใหญ่ในสหรัฐ แต่สัปดาห์นี้ขีดจำกัดของกลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น

เมื่อวันอังคารที่ 7 มี.ค. สมาชิกวุฒิสภาทั้งสองพรรคของสหรัฐเสนอแนะร่างกฎหมายที่อาจมอบอำนาจให้ประธานาธิบดีระงับแอปต่างชาติ อย่างเช่น แอปติ๊กต็อก ตามหลักความมั่นคงแห่งชาติ และประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งสัญญาณว่า เขาอาจสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน

รัฐบาลสหรัฐกังวลว่า แพลตฟอร์มวีดิโอแบบสั้น ซึ่งเป็นแอปเก็บข้อมูลผู้ใช้หนุ่มสาวชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไว้หลาย 10 ล้านคน อาจใช้เป็นเครื่องมือสืบความลับหรือเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อจากจีน

อย่างไรก็ดี ติ๊กต็อกประสบความสำเร็จในการเข้าประชุมกับผู้บัญญัติกฎหมายและผู้ออกนโยบายทั่วรัฐวอชิงตัน เพื่อชี้แจงแนวทางป้องกันข้อมูลของชาวอเมริกันจากสายตารัฐบาลปักกิ่ง แต่การหารือทำให้ตัวแทนบริษัทต้องผิดหวัง เนื่องจากพวกเขาพบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐต้อนรับด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่เปิดใจ

ผู้บริหารติ๊กต็อกคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับการประชุม เผยว่า “ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสนใจพูดคุยเกี่ยวกับสนธิสัญญาและมาตรการความปลอดภัยใด เนื่องจากพวกเขามีจุดมุ่งหมายทางการเมืองเป็นของตนเอง เรารู้สึกถึงความไม่แน่นอนอย่างมากในอนาคต และไม่ว่าบริษัททำอะไร อาจได้รับผลกระทบอยู่บ้าง”

ขณะนี้ติ๊กต็อก พบว่า บริษัทอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองที่ยากลำบากเนื่องจากเดโมเครตและริพับลิกันหยุดโต้แย้งกันเพื่อร่วมกันต่อต้านแอปติ๊กต็อก ซึ่งถูกพรรคการเมืองทั้งสองขนานนามว่าเป็น “ภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติจากจีน”

“แคทลิน ชิน” นักวิชาการจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติ (ซีเอสไอเอส) มีความคิดเห็นว่า "ขอบอกเลยว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับติ๊กต็อกเลย แต่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง"

แม้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า รัฐบาลปักกิ่งขอข้อมูลผู้ใช้ติ๊กต็อกจากไบท์แดนซ์ แต่กฎหมายจีนระบุว่า รัฐบาลสามารถขอข้อมูลจากธุรกิจต่าง ๆ ได้

ก่อนหน้านี้ ติ๊กต็อกถูกระงับใช้งานในอินเดีย เมื่อปี 2563 เนื่องจากความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย แม้สหรัฐจะระงับหรืออาจระงับแอปได้ แต่การห้ามใช้แอปยังคงห่างไกลจากความไม่แน่นอน เพราะข้อเสนอร่างกฎหมายล่าสุดมอบอำนาจให้เพียงประธานาธิบดี ในการตัดสินใจสร้างความเปลี่ยนแปลง

ด้านตัวแทนติ๊กต็อก โต้ว่า “การห้ามใช้ติ๊กต็อกของสหรัฐ เป็นการยุติเผยแพร่วัฒนธรรมอเมริกันและแอปที่มีคุณค่าต่อประชาชนหลายพันล้านคนที่ใช้บริการติ๊กต็อกทั่วโลก”

ทั้งนี้ ติ๊กต็อกมีผู้ใช้งานแอปมากกว่า 80 ล้านคนต่อเดือน หลังหน่วยงานสหรัฐเริ่มตรวจสอบแอป เมื่อไบท์แดนซ์เข้าซื้อมิวสิคัล.แอลวาย (Musical.ly) ในปี 2560 และพบว่าไบท์แดนซ์นำฐานผู้ใช้สหรัฐจำนวน 65 ล้านบัญชี รวมกับแพลตฟอร์มติ๊กต็อก

ลุ้นชะตากรรม “ติ๊กต็อก\" หลังทุ่มงบหลายสิบล้านดอลล์ล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐ

จากนั้นคณะกรรมาธิการกำกับและดูแลการลงทุนจากต่างประเทศของสหรัฐ (ซีเอฟไอยูเอส) ที่คอยตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างประเทศกับหน่วยงานในสหรัฐ เริ่มทำการพิสูจน์และดำเนินงานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ผู้บริหารติ๊กต็อก กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาความกังวลของสหรัฐ ติ๊กต็อกจึงยื่นแผนต่อซีเอฟไอยูเอส โดยเแผนดังกล่าวบริษัทสามารถเปิดเผยคำสั่งอัลกอริทึมไปยังออราเคิลคลาวด์คอมพิวติงยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ และอนุญาตให้ผู้ตรวจสอบภายนอกเข้าตรวจว่า อัลกอริทึมติ๊กต็อกไม่เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ต่อรัฐบาลจีน หรือเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลปักกิ่งจริง

ติ๊กต็อกยังสามารถย้ายข้อมูลผู้ใช้อเมริกันจากศูนย์ข้อมูลในเวอร์จิเนียที่มีฐานในสิงคโปร์ ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของออราเคิลได้ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลผู้ใช้ได้สิทธิ์คุ้มครองตามข้อกำหนดที่ว่า ข้อมูลไม่อนุญาตให้เผยแพร่ออกนอกสหรัฐ

ในระดับการดำเนินงาน ติ๊กต็อกก่อตั้งบริษัทย่อย เรียกว่า ความปลอดภัยข้อมูลสหรัฐของติ๊กต็อก (ยูเอสดีเอส) ซึ่งมีวิศวกร ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการประมาณ 2,500 คน โดยพนักงานกลุ่มอาชีพดังกล่าว ย้ายไปทำงานบริษัทย่อยแห่งใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.

อีกทั้งบริษัทเสนอให้ซีเอฟไอยูเอสแต่งตั้งคณะกรรมการสามคน เพื่อกำกับดูแลบริษัทย่อยติ๊กต็อก และบริษัทกำลังรอการตัดสินใจอยู่

“อีวาน คานาพาที” อดีตผู้กำกับดูแลประเทศจีน จากสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐภายใต้การบริหารรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์และไบเดน คาดว่า การปรับปรุงธุรกิจของติ๊กต็อกข้างต้น อาจตอบสนองความกังวลของรัฐบาลวอชิงตันด้านความปลอดภัยแห่งชาติเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้

ชิน จากซีเอสไอเอส กล่าวว่า ต้นทุนทางการเมืองของการระงับติ๊กต็อกอาจสูงมากสำหรับรัฐบาลไบเดน ติ๊กต็อกอาจโต้กลับ และผู้ใช้ติ๊กต็อกอาจใช้ช่องทางกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิในการแก้ไขกฎหมายเสรีภาพแห่งการพูด

“เราอาจเห็นว่าบางรัฐในสหรัฐห้ามใช้ติ๊กต็อกในอุปกรณ์ราชการ แต่จะไม่ห้ามประชากรทั้งหมด มันยากมากที่จะให้ประชาชนทั้งหมดระงับใช้แอป เพราะผู้คนมากมายใช้ติ๊กต็อกเพื่อแสดงออกทางคำพูด”

“จีนา ไรมอนโด” รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ทราบถึงความคิดเกี่ยวกับการห้ามใช้ติ๊กต็อกว่าส่งผลกระทบต่อคนอเมริกันหนุ่มสาวที่คุ้นเคยกับการโพสต์วีดิโอลิปซิงค์ เต้น หรือทำอะไรตลกๆ ในแพลตฟอร์มอย่างไร โดยไรมอนโดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า“ฉันคิดว่า รัฐบาลจะเสียฐานเสียงที่อายุต่ำกว่า 35 ปี ไปตลอดกาล”